นายชรทัพณรงค์ กิ่งกาญจนาโรจน์ อายุ41 ปี อยูู่ห้องเช่า เลขที่ 470 ม.3 ต.นาดี อ.นาดี
จ.ปราจีนบุรี ไม่สามารถอยู่ในบ้านเดิมที่เป็นบ้านของแม่ได้เพราะพี่น้องบางคนเอาไปจำนำกับทางธนาคาร ซึ่งจะถูกยึดในไม่ช้าจึงมาขอเช่าคนรู้จักอยู่ นายชรทัพณรงค์ กล่าวอีกว่าตนเคยแต่งงานมีลถูกด้วยกัน 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ คนอายุ 19 ปี นส.ทิฐินันท์ ไทรพงษ์พันธ์ คนเล็ก 17 ปี นส.ทิพรัตน์ กำลังเรียนอยู่ ม.6 ต่อมาแยกทางกับภรร
ยาเมื่อหลายปีก่อนตนเลี้ยงลูกสาวสองคนมาจนโต ทำงานรับจ้างทั่วไปในหมู่บ้านและระแวกใกล้เคียง ต่อมามีภรรยาใหม่และประสบอุบัติเหตุขาซ้ายหักเย็บ และดามเหล็ก 164 เข็ม ลูกสาวคนโตทำงานอยู่ 304 มาเช่าห้องอยู่ข้างกันและเป็นคนช่วยดูแลตนกับแฟนใหม่ตลอดมา ต่อมาไม่รู้เป็นอะไรหนีไปอยู่ที่อื่น แฟนพาตนไปหาก็ไม่ยอมพูดด้วยทั้งต่อว่าและไม่คุยด้วย ภรรยาใหม่เป็นคนดูแลแทนไม่เคยทำร้ายลูกตนรักและเลี้ยงมาหลายปีจนใครคิดว่าเป็นลูกแท้ๆอยู่มาอดีตภรรยาเก่าพาแฟนมาด้วยเพื่อที่จะเอาลูกสาว
คนเล็กไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ เมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้ตนไม่อยากให้เอาไปเพราะยังเรียนอยู่จึงเกิดการประชากตัวลูกสาวคนเล็กไปตนเองถูกผลักล้มลงรู้สึกเป็นห่วงลูกมากเอาไปไม่ได้เรียนหนังสืออยากให้ลูกสาวคนเล็กกลับมาเรียนหนังสือให้จบก่อนทุกวันนี้ตนเองป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้น สมองบวม เดินไม่สะดวกบางทีเดินๆอยู่ก็ล้ม ยอมรับเครียดมากกับชีวิตที่เป็นอยู่อยากให้ลูกๆเข้าใจเห็นใจพ่อบ้าง คิดถึงไปหาก็ถูกลูกสาวหนีหน้าไม่รู้เป็นอะไรอยากให้เข้าใจถึงความรู้สึกของคนเป็นพ่อบ้าง อย่างน้อยโทร.มาถามไถ่ถึงสารทุกข์สุกดิบบ้าง พ่อโทร.หาก็คุยด้วยบ้างไม่ใช่ตัดสายทิ้งไม่คุยด้วย เงินไม่มีให้ก็บอกไม่ให้พ่อก็ได้ทุกวันนี้ทำเหมือนรังเกียจพ่อที่ไม่สมประกอบเดินแทบจะประคองตัวเองไม่อยู่ ถึงพ่อจะกลายเป็นคนพิการก็ยังรักเป็นห่วงลูกเสมอ แม้จะมีเมียใหม่แต่เขาก็รักลูก
ๆเหมือนลูกแท้ๆตนเองก็อยากทำงานทำบ้างพอมีรายได้นิดหน่อยทำอยู่กับบ้านแต่ไม่รู้จะ
หางานที่ไหนทำ ทุกวันนี้ได้ภรรยาใหม่คอยดูแลและหาเลี้ยงแม้อยู่ด้วยกันมาไม่มีลูกด้วยกันก็ยังอยู่ดูแลพ่อเลย ตนเองยังอยู่แบบคนพิการแต่ไม่มีบัตรคนพิการอยากให้สื่อช่วย
เป็นกระบอกเสียงผ่านไปยังลูกสาวที่ไม่ค่อยใส่ใจดูแลตน แถมลูกสาวคนเล็กกำลังเรียนอยู่ ม.6 แม่มาเอาไปอยู่ด้วยเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตนเองในฐานะผู้เป็นพ่อรักและเป็นห่วงคิดถึงลูกมาก นางศุภาลักษณ์ เอี่ยมศิริ อายุ 45 ปี ภรรยาใหม่ของนายชรทัพณรงค์ กล่าว
ว่าตนอยู่กินกับนายชรทัพณรงค์มา10กว่าปียังเคยเลี้ยงดูเด็กสองคนนี้มาและรักเหมือน
ลูกแท้ไปเอาไปไหนด้วยหลายคนยังคิดว่าเป็นแท้ๆเลย บอกตามตรงว่าไม่เคยทำร้ายลูกเลี้ยงเหมือนลูกเลี้ยงกับแม่เลี้ยงคนอื่นเลย มีอะไรระหว่างพ่อกับลูกจะเรียกมาสั่งสอนต่อหน้าว่าทำแบบนี้ไม่ดีไม่ถูกจะให้แม่ตีกี่ทีดี จะประมาณนี้เสียมากกว่า อยากฝากถึงนส.ทิฐินันท์ นส.ทิพรัตน์ ว่าขอให้ติดต่อหาพ่อบ้างพ่อโทร.หาก็คุยบ้างสักนิดก็ยังดี ส่วนลูกสาวคนเล็กอยากให้แม่เขานำกลับมาเรียนหนังสือให้จบก่อนอีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้วเห็นแก่อนาคตของลูก ตนยินดีที่จะส่งให้เรียนให้จบ ม.6 จบแล้วจะรับไปอยู่ด้วยก็ไม่เป็นไร…