หลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาก็สถาปนาตนเองเป็นผู้นำโลกเสรีนิยมยุคใหม่ กลุ่มทุนเหนือรัฐได้กำกับใหร้ฐบาลยกเลิกการใช้ทองคำค้ำประกันการพิมพ์ธนบัตร และเป็นชาติเดียวในโลกที่สามารถทำเช่นน้ันได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะการค้าขายในตลาดโลกขณะนั้น ต่างอ้างอิงเงินตราสหรฐฯ จนอเมริกาสามารถใช้เงินสกุลดอลลาร์ของตนเองเป็นมาตรฐานรองรับเทียบเท่าทองคำในเวลาต่อมา
เหมือนกับว่าที่ผ่านมานั้นระบบการเงินของโลก จะมีเสถียรภาพหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ “เงินสกุลดอลลาร์” และเศรษฐกิจของอเมริกาด้วยเช่นกัน ภายหลังจากโลกของเราเคยกันระบบป้องกันเงินเฟ้อด้วยการใช้ “ทองคำ” ทีมีจำกัดเป็นทรัพย์สินหนุนหลังเงินกระดาษ และอังกฤษเป็นประเทศแรกที่ใช้มาตราฐานดังกล่าว จนเป็นสกุลเงินตราที่ทรงมูลค่าที่สุดในยุคนั้น ก่อนสหรัฐอเมริกาจะขึ้นเป็นผู้นำโลกยุคใหม่
แต่อีกด้านหนึ่งเมื่อเศรษฐกิจโลกเติบโตขึ้น ท่ามกลางวิกฤติการเงินของสหรัฐที่ยากแก่การหลีกเลี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงเสถียรภาพทางการเงินโดยใช้การอุปสงค์-อุปทานในการควบคุมการผลิตธนบัตรโดยไร้หลักประกัน ทำให้ความคล่องตัวของสินเชื่อทั่วโลกและระบบธนาคารลดลง ทำให้เห็นความอ่อนแอของระบบการเงินทั่วโลกจากผลิตผลของสหรัฐฯ ทำให้ผู้นำเศรษฐกิจโลกที่กำลังเติบโตขึ้นใหม่ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมหาศาลจึงได้เข้าต่อรองอำนาจทางเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่ในรอบร้อยปี ซึ่งนั้นคือการชิงความเป็นใหญ่ของรัฐมหาอำนาจที่อาจทำให้เกิด “สงครามเศรษฐกิจ” ครั้งใหญ่ในไม่ช้า
สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่ หนังสือพิมพ์๕เหล่าทัพ ฉบับที่ ๔๒ ครับ