สำนักข่าวโอเรียนทัล เดลี่ ของฮ่องกง เผย จีน-ไทยเห็นพ้องพัฒนาโครงการขุดคอคอดกระ
“บิ๊กตู่” ยืนยันรัฐบาลจีนยังไม่เสนอเข้ามา
สำนักข่าวโอเรียนทัล เดลี่ ของฮ่องกงรายงานว่า ทางการจีนและไทยเห็นพ้องต้องกันที่จะพัฒนา
โครงการขุดคอคอดกระ บริเวณพื้นที่ จ.ระนองเรียบร้อยแล้ว โดยมุ่งหมายให้คอคอดกระเป็นช่อง
ทางขนส่งทางน้ำสำคัญ เชื่อมระหว่างอ่าวไทยและทะเลอันดามันซึ่งจีนผู้เป็นตัวตั้งตัวตีผลักดัน
โครงการดังกล่าว มุ่งใช้ประโยชน์ของเส้นทางใหม่นี้พัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นไปตามเจตนารมณ์ของจีน นำโดย ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ที่ต้องการพัฒนา
เส้นแนวเขตเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเล โดยโครงการคอคอดกระคือเป้าหมาย
สำคัญในการพัฒนา ข้อมูลเบื้องต้นเส้นทางน้ำคอคอดกระมีระยะทาง 102 กม. กว้าง 400 ม. และ
ลึก 25 ม. โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเร็วๆ นี้ ใช้เวลาก่อสร้างราว 10 ปี ด้วยงบประมาณราว
28,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หากแล้วเสร็จโครงการนี้จะเป็นเส้นทางทางน้ำที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญ
ของเอเชีย
ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งชี้ว่า จีนจะได้รับประโยชน์ด้าน
เศรษฐกิจหลายประการ เนื่องจากเส้นทางคอคอดกระจะสร้างความแข็งแกร่งในความร่วมมือด้าน
เศรษฐกิจของจีนกับชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากจีนเป็นผู้ลงทุนหลัก และไม่ต้องพึ่งพา
เส้นทางช่องแคบมะละกาซึ่งเป็นของมาเลเซียอีกต่อไป
นอกจากนี้ ช่องทางคอคอดกระยังช่วยลดค่าใช้จ่ายมหาศาล ย่นระยะทางเรืออย่างน้อย 1,200 กม.
และระยะเวลาเดินทางประมาณ 2-5 วัน ระหว่างจีนไปยังคู่ค้าในตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป
ที่สำคัญคือ ลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ จากเหตุโจรสลัดชิงปล้นสินค้าและน้ำมันทางช่องแคบ
มะละกาซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ป้องกันได้ยาก และกระทบต่อแหล่งพลังงานของจีน เนื่องจากจีนนำเข้า
น้ำมันจากตะวันออกกลางและแอฟริการาว 80% ของน้ำมันทั้งหมดที่ใช้ในประเทศ
ขณะที่ด้านความมั่นคง นักวิเคราะห์ด้านกองทัพในมาเก๊ามองว่า คอคอดกระจะช่วยเพิ่มอำนาจและ
ประสิทธิภาพของกองทัพจีน โดยจีนจะพร้อมรับมือกับสถานการณ์นอกประเทศได้มากขึ้น และมี
อิทธิพลเหนือพื้นที่นอกอาณาเขต เพราะมีอำนาจในการอนุญาต หรือคัดค้านการเดินทางผ่านช่อง
ทางนี้ ซึ่งเป็นอิสรภาพสำคัญของจีน จากที่ผ่านมาจีนต้องหวาดระแวงว่า ความขัดแย้งกับสหรัฐอาจ
นำไปสู่การปิดช่องแคบมะละกา ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับจีนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี ข้อเสียที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นคือ บรรยากาศการเมืองระหว่างประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ด้วยกัน และสหรัฐกับไทยที่ตึงเครียดมากขึ้น จากความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นกับจีน ซึ่งมีข้อพิพาท
กับชาติต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสหรัฐด้วย
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ว่า เรื่องดังกล่าวเห็นเพียงแต่ข่าว
ในหนังสือพิมพ์ก็รอให้รัฐบาลเขาเสนอเข้ามาก่อน วันนี้ยังไม่เห็นรัฐบาลจีนเสนออะไรเข้ามา
“หากมีการเสนอเข้ามา ก็ต้องมาพูดคุยกัน ถ้ามองเพียงประโยชน์อย่างเดียว แล้วโทษมันมีหรือเปล่า
ก็ต้องดู ถ้าแบ่งแยกดินแดนออกเป็น 2 ตอน มันคุ้มหรือไม่และจะดูแลไหวไหม”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ที่มา posttoday