ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพและอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อผ่านผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
วันที่ 19 ตุลาคมว่า
คอคอดกระกับทางสายไหม
ระยะนี้มีการพูดถึงโครงการขุดคอคอดกระเพื่อเป็นทางลัดให้เรือเดินสมุทรแล่น
ระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับอ่าวไทยขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเงียบหายไปนานจน
ทำให้หลายคนลืมโครงการสำคัญนี้ไปเลยทีเดียวคอคอดกระอยู่ที่อ.กระบุรี จ.ระนอง
แต่การขุดคลองลัดดังกล่าวนั้นยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะขุดหรือไม่ และจะขุดที่ไหน
ดังนั้นคอคอดกระในที่นี้จึงหมายถึงคลองลัดเชื่อมสองฝั่งทะเลไทย
โครงการขุดคลองลัดนี้มีการพูดกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2220 จวบจนบัดนี้เป็นเวลา
ถึง 338 ปี ก็ยังมีการพูดถึงกันอีกใช่เฉพาะแต่คนไทยเท่านั้นที่มองเห็นประโยชน์
จากโครงการนี้ ประเทศอื่นก็มองทะลุเช่นกัน มีหลายตัวอย่างซึ่งสนับสนุนคำพูดนี้
แต่ผมขอยกมาแค่ 2 ตัวอย่าง
ตัวอย่างแรกจะเห็นได้จากภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2489 ไทย
ถูกบังคับให้ลงนามในข้อตกลงเพื่อเลิกสถานะสงครามกับอังกฤษว่าจะไม่ขุด
คลองลัดแห่งนี้ถ้าไม่ได้รับความเห็นชอบจากอังกฤษ
เนื่องจากอังกฤษไม่ต้องการให้เศรษฐกิจของสิงคโปร์ซึ่งในเวลานั้นอยู่ใต้
การปกครองของอังกฤษต้องกระเทือนเพราะคอคอดกระจะเป็นคลองลัด
การเดินเรือซึ่งจะทำให้เรือจำนวนหนึ่งเปลี่ยนการใช้เส้นทางจากช่องแคบ
มะละกาทางตอนใต้ของสิงคโปร์มาใช้คอคอดกระแทนสามารถร่นระยะทาง
ได้มากกว่า1,000กิโลเมตร แต่หลังจากลงนามในข้อตกลงได้ 8 ปี
เราก็เป็นอิสระ เพราะมีการยกเลิกข้อตกลงดังกล่าวในปี พ.ศ. 2497
อีกตัวอย่างหนึ่งของผู้ที่เห็นประโยชน์จากโครงการนี้ก็คือกลุ่มบริษัทญี่ปุ่น
กลุ่มหนึ่งซึ่งได้ยื่นเสนอขอรับสัมปทานขุดคอคอดกระจากรัฐบาลไทยในปี
พ.ศ. 2533 โดยจะลงทุนเองทั้งหมดเพื่อแลกกับผลตอบแทนจากการบริหาร
คลองลัดนี้ หากเขาไม่เห็นผลประโยชน์อันงามที่คุ้มกับการลงทุนก็คง
ไม่ยื่นข้อเสนอนี้แน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามทุกโครงการย่อมก่อให้เกิดผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ
ผลกระทบด้านลบของโครงการนี้ก็มี โดยข้อที่วิตกกังวลกันมากก็คือกลัวว่า
การขุดคอคอดกระจะเป็นการแบ่งแยกประเทศไทยออกเป็นสองส่วน
ซึ่งอาจนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดนได้
ข้อวิตกนี้จำเป็นจะต้องพิจารณาให้รอบคอบโดยอาจเปรียบเทียบกับประเทศอื่น
ที่มีการขุดคลองลัดคือประเทศปานามา(ขุดคลองปานามา) และประเทศอียิปต์
(ขุดคลองสุเอซ) ซึ่งก็ไม่มีการแบ่งแยกดินแดนแต่อย่างใด อีกทั้ง ควรเปรียบ
เทียบกับประเทศอื่นที่ประกอบด้วยเกาะหลายเกาะว่ามีการแบ่งแยกดินแดนหรือไม่
เป็นที่น่าสังเกตว่าคอคอดกระไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม(Silk Road)
อนึ่ง เส้นทางสายไหมซึ่งกำหนดโดยประเทศจีนไว้ตั้งแต่สมัยโบราณนั้นประกอบ
ด้วยเส้นทางทั้งทางบกและทางทะเล โดยทางทะเลมีการกำหนดไว้ในราชวงศ์ฮั่น
(Han Dynasty พ.ศ. 337- พ.ศ. 763) มีเส้นทางผ่านช่องแคบมะละกา ดังนั้น
หากรัฐบาลไทยสนใจที่จะขุดคอคอดกระ ผมมีข้อเสนอดังนี้
1. ศึกษาความเป็นได้ของการขุดคลองลัดอย่างจริงจังโดยครอบคลุมทุกมิติ
หากเห็นว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทย และไม่กระทบต่อความมั่นคง
ก็ขอให้พิจารณาดำเนินการในข้อ 2 และ ข้อ 3 ต่อไป
2. เจรจากับจีนขอให้เปลี่ยนแนวเส้นทางสายไหมจากช่องแคบมะละกามาเป็น
เส้นทางผ่านคลองลัดของไทย ทั้งนี้ เส้นทางสายไหมเดิมจะเริ่มจากท่าเรือ
Jiaozhou และท่าเรือ Guangzhou ของจีน ผ่านช่องแคบมะละกา
เข้าสู่มหาสมุทรอินเดีย และอ่าวเปอร์เซีย
3. ขอให้จีนรวมทั้งประเทศอื่นที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ร่วมลงทุนกับไทย
ซึ่งจะทำให้เรือเดินสมุทรของประเทศเหล่านี้ช่วยกันใช้คอคอดกระแทนช่องแคบมะละกา
หากจีนและประเทศอื่นที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ไม่ไห้ความร่วมมือเห็นทีโครงการนี้จะเกิดยาก!
ที่มา http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1445250329