วันนี้ 8 ต.ค.61 นาย ธีรพัฒน์ วงษ์เหล็ก อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สระบุรี ได้รับแจ้งจาก พระวัดหนองบัว ว่ามีเหตุเกิดเพลิงไหม้ในอุโบสถ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ วันที่ 7 .ต.ค. ขณะไปทำวัดเย็น เวลา 16.30 น.ได้รับทราบ นาย ธีรพัฒน์ จึงได้ไปดูที่เกิดเหตุ พร้อมกรรมการวัด และ เจ้าหน้าที่เทศบาลตลิ่งชัน ได้นำรถดับเพลิงไปคอยช่วยเหลือไว้ 1 คัน ตั้งแต่เช้ามืด กลัวว่าเพลิงจะลุกไหม้ขึ้นซ้ำอีก
จากการตรวจสอบในอุโบสถ พบ พรหมที่ปูพื้นได้ถูกไฟไหม้ทั้งหมด เพราะใต้พรหมเป็นกาวที่ทำให้เพลิงลุกไหม้ได้อย่างดี
และข้างฝาพนังในอุโบสถ เพดาน รวมทั้งพระประทาน มีควันไฟสีดำติดดำไปหมดทั้งองค์ตัวพระประทาน มีพัดลมติดข้างฝาพนังไหม้เสียหายทั้งหมด 5-6 ตัว และยังมีพระที่ตั้งอยู่หน้าพระประธาน รวมทั้งมีตาลปัตรได้ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด สาเหตุมาจากว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค. เวลา 16.30 น. ได้มีพระเข้ามาทำวัดเย็น โดยมี พระบัวรี ปะพัทตะโร อายุ 74 ปี เป็นพระลูกวัดทำหน้าที่คอยดูแลอุโบสถการเปิด-ปิด ประตู เพื่อให้พระไปทำวัดเย็น และ วัดเช้า ขณะนั้นได้มีพระไปทำวัดเย็น 3 องค์ เสร็จแล้ว พระ 2 องค์ ได้ออกไปก่อน เหลือแต่พระบัวรี ได้ทำการปิดประตูหน้าต่างอุโบสถ แต่ลืมดับธูปเทียน จึงทำให้เทียนละลายลงพื้นและเกิดไฟลุกไหม้พรหม ที่มีกาวติดอยู่ใต้พรหม ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ในอุโบสถเสียหายทั้งหมดตลอดทั้งคืน มีชาวบ้านที่ผ่านไปมา แต่ไม่ได้สังเกตเพราะว่าอุโบสถได้ปิดประตูหน้าต่างเอาไว้ เพราะว่าช่วงนั้นยังมีฝนตกลงมาอีก จึงไม่มีใครสังเกตุ นายธีรพัฒน์ (ผู้ใหญ่บ้าน) จึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี เพื่อจะได้ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบว่าเกิดจากไฟฟ้ารัดวงจร หรือ เกิดจากเทียนที่ไปทำวัดเย็น ที่พระบัวรีเป็นคนบอก
ส่วนพระบัวรี เล่าให้ฟังว่า เช้ามืดของวันที่ 8 ได้ไปเปิดอุโบสถ เพื่อจะให้พระไปทำวัดเช้า เหมือนทุกครั้ง เปิดประตูเข้าไป มีกลุ่มควันเต็มไปหมด และยังมีไฟไหม้เล็กน้อย ใกล้จะดับแล้ว จึงได้ช่วยกันใช้สายยางน้ำมาฉีดไฟที่กำลังไหม้ก็ดับ และได้เปิดสายยางที่ก๊อกน้ำทิ้งเอาไว้ เพื่อหล่อเลี้ยงเอาไว้ ที่ไฟกำลังระอุร้อนอยู่ พระบัวรี ยังเล่าอีกว่า น่าจะลืมดับเทียน ที่มาทำวัดเย็น ในวันที่ 7 ต.ค. ก็เป็นได้ จึงทำให้เทียนละลายและไหม้พรหม เสียหายทั้งหมดในอุโบสถ จึงรีบแจ้งให้ทางผู้ใหญ่บ้านรับรู้ต่อไป
มีสัมภาษณ์ พระบัวรี ปะพัทตะโร (พระที่ดูแลอุโบสถ)
มีสัมภาษณ์ นาย ธีรพัฒน์ วงษ์เหล็ก (ผู้ใหญ่บ้าน)
/ภาพข่าวดำรงค์ชื่นจินดาสระบุรีรายงาน