วันที่ 10 กันยายน 2561 นายวัชระ เพชรทอง อดีต.ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตนักการเมือง คนสำคัญที่สนับสนุน คสช. นั้นจะมาสมัครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยเรื่องนี้ นายอลงกรณ์ฯ นั้นควรมีสปิริตควรแสดงออกอย่างไร
โดยเพียงแค่คำถามเพียงเท่านี้ไม่ทราบว่า นายอลงกรณ์ พลบุตร ใยดิ้นทุรนทุรายแสดงท่าทางออกอาการมาแบบนั้น ทั้งๆที่ ผม ไม่ได้เอ่ยชื่อกล่าวถึงบุคคลใดแต่ นายอลงกรณ์ฯ ได้พูดออก หมายถึง นายอลงกรณ์ฯ ทั้งๆที่มีบุคคลจำนวนมากมายที่ทำงานให้ คสช. แต่ นายอลงกรณ์ฯ ได้แสดงปฎิกิริยาท่าทางเหมือนกินปูนร้อนท้องใช่หรือไม่
นายอลงกรณ์ฯ บอกว่าไม่เคยย้ายพรรค แต่ลาออกจากพรรคไปทำงานให้คสช.เป็นหนึ่งในแม่น้ำ 5 สาย คนสำคัญแม่ทัพที่ดีเขาไม่หนีทัพในสนามรบส่วนพลทหารที่หนีทัพเขาก็ไม่เก็บเอาไว้
ทั้งนี้ย้อนไปในสมัยที่ นายอลงกรณ์ฯ เคยเป็นรองประธาน สปช. คนที่ 1 ท่านก็เป็นคนออกจดหมายทำหนังสือเวียนสั่งห้าม อดีตสมาชิกรัฐสภา ไม่ให้ใช้รัฐสภาเป็นที่แถลงข่าวแต่ท่านจะสงวนสิทธิ์สถานที่ไว้ให้แก่แม่น้ำ 5 สายใช่หรือไม่ ท่านคงคิดว่ารัฐสภาเป็นของพวกท่านแต่เพียงผู้เดียว
ส่วนเมื่อสมัยอ นายอลงกรณ์ฯ อยู่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ฯ ลงสมัครเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคกลางแข่งกับ นายสาธิต ปิตุเดชะ “ส.ส.ระยอง” นายอลงกรณ์ฯ เคยขอคะแนนเสียงจาก ผม ผมก็เลือก นายอลงกรณ์ฯ และบอก นายสาธิตฯ ตรงๆว่ารับปาก นายอลงกรณ์ฯ ไปแล้ว
แต่ต่อมาภายหลัง นายอลงกรณ์ฯ ตอนที่จะลาออกจากพรรค นายอลงกรณ์ฯ ไม่บอกคนที่เคยลงคะเเนนเสียงให้สักคน หรือตอนคัดเลือกคนลงสมัครผู้ว่า กทม. มี ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ุ บริพัตร กับคนอื่นๆ นายอลงกรณ์ฯ ก็เสนอชื่อ นายอภิชาติฯ ลงสมัครผู้ว่าฯในนาม พรรคประชาธิปัตย์ ด้วยผลการโหวตคะแนนลับปรากฏว่า นายอภิชาติฯได้ 0 คะแนนทั้งๆที่ นายอลงกรณ์ฯ เป็นคนเสนอชื่อเรื่องนี้แสดงออกหมายความว่าอย่างไร
คนอย่าง ผม เป็นมองไกลมองทะลุถึงความเป็นจริงและไม่เคยบิดเบือนหลักประวัติศาสตร์ พูดกันภาษาชาวบ้านคือ อดีต.ส.ส. รู้อย่างไร ประชาชน ก็ต้องรู้อย่างนั้น
และเรื่องที่ นายอลงกรณ์ฯ เคยบอกว่าถ้าเชื่อ นายอลงกรณ์ฯ แล้วปฏิรูปพรรคไม่บอยคอตการเลือกตั้งคงไม่มีรัฐประหารเรื่องนี้ก็ไม่จริงเพราะทหารนึกจะยึดอำนาจรัฐประหารก็ไม่มีใครสามารถมาหยุดยั้งได้
ในฐานะที่ผม นายวัชระ เพชรทอง เป็นสมาชิกพรรค คนหนึ่งที่ชำระเงินค่าบำรุงสมาชิกพรรคตลอดชีพถูกต้องตามกฎหมายในฐานะที่ผมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองย่อมมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามถึงสปิริตและหลักการของผู้ที่จะมาสมัครเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง โดยเรื่องทั้งหมดที่กล่าว ผม ไม่ได้กล่าวกลั่นแกล้งใส่ร้ายใคร แต่เรื่องทั้งหมด ผม ได้เอาเรื่องที่จริงมาพูดให้ ประชาชนได้ทราบและได้รับรู้ทั่วกัน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ผม ไม่เคยคิดกีดกันใครคนใดคนหนึ่งและไม่ได้ดิสเครดิตใครทั้งสิ้นแต่บุคคลที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคนั้นจะต้องมีใจที่ซื่อ มือสะอาดและไม่เป็น นอมินี ของ คสช. ทั้งนี้ทุกอย่างที่กล่าวมาจะพูดตามภาษา พระ คือ กัมมุนา วัตตีโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนั่นเอง..
———–