วันที่ 30 ส.ค.61 เวลา 22.00 น.ร.ต.อ.เสกสรรค์ อุดมทรัพย์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองสระบุรีพร้อมชุดสืบสวนรุดตรวจที่เกิดเหตุถนนบายพาสขาเข้า กทม. หมู่บ้าน โนนสภาราม ม 2 ต.กุดนกเปล้า อ.เมืองสระบุรี ที่เกิดเหตุพบรถ จยย.แบบหญิง ยี่ห้อ ยามาฮ่าสีชมพู ทะเบียน 1 กข-29 สระบุรี ตกลงน้ำไหล่ถนน ข้างๆพบมวกกันน็อค 1 ใบ เจ้าหน้าที่ตรวจรอบๆ ที่เกิดเหตุไม่พบหลักฐานคนร้าย โดยมีนายธีระ ศรีหะสุด อายุ 34 ปี บ้านเดิมอยู่ 47/1 ม 3 ต.พลับ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ผู้เสียหายยืนใจสั่นขวัญผวา เล่าเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า ตนเองทำงานแห่งหนึ่งในเขต อ.แก่งคอย เลิกงานก็ขับขี่รถ จยย.เพื่อที่จะกลับบ้าน อยู่ที่ทางเข้าวัดโคกหนามแท่ง ระหว่างทางตนแวะปั้มน้ำมัน ปตท. ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. ตนจอดรถ จยย.แล้วเดินไปกดเงินที่ตู้ เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงไทย จำนวนเงิน 10.000 บาทแล้วเดินกลับมาที่รถ จยย.จอดอยู่ ระหว่างนั้นตนก็ยืนนับเงินที่กดออกมาครบ 10.000 บาท แล้วเก็บไว้ในถุงสะพายแล้วขับรถ จยย.ออกจากปั้มน้ำมัน มาได้ประมาณ 1 กม.ก็มีรถ จยย.มีคนนั่งมา 2 คนขับมาประกบรถ จยย.ของตนแล้วใช้เท้าถีบ รถ.จยย.ของตนรถเสียหลักตกลงไหล่ข้างถนนคนร้ายสวมหมวกกันน็อกปิดใบหน้า ใช้อาวุธปืนสั้นจี้ที่ศีรษะตน ให้ส่งถุงสะพาย มา อย่าขัดขืนเดียวจะยิงให้ตาย ตนเกิดความกลัวจึงยืนถุงให้คนร้ายไป ภายในถุงมีเงินสด 10.000 บาท จากนั้นคนร้ายขับรถ จยย.ไม่ทราบสี ยี่ห้อ ทะเบียนรถหลบหนีไปในความมืด ตนยืนตกตลึงอยู่พักหนึ่งจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พานายธีระฯ ผู้เสียหายไปบริเวณปั้มน้ำมันจุด ปตท. ซึ่งจุดเกิดเหตุก็มีแสงสว่างเพียงพอ ซึ่งคนร้ายอาจนั่งอยู่ตามจุดต่างๆ หรือนั่งหลบในที่มืด ในปั้มน้ำมันเพื่อรอเหยื่อ มากดเงินที่ตู้ เอทีเอ็ม ซึ่งคาดว่า นายธีระฯ มากดเงินที่ตู้ แล้ว ยังเอาเงินออกมานับอีก คาดว่าคนร้ายจะเห็นเงินจำนวนมากจึงขับรถ จยย.ติดตามนายธีระฯ ออกไปจนถึงที่เปลี่ยวและมืด คนร้ายได้จังหวะจึงเร่งเครื่องยนต์ประกบรถจยย.ของนายธีระฯ แล้วใช้เท้าถีบรถ จยย.ตกลงไหล่ถนนดังกล่าว
//ภาพข่าวดำรงค์ชื่นจินดา ผู้สื่อข่าว5เหล่าทัพสระบุรีรายงาน