วันที่ 19 ส.ค. 61 นายวัชระ เพชรทอง “อดีต.ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์” กล่าวถึงกรณี นายพรเพชร วิชิตชลชัย “ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ” เปิดเผยว่าได้เสนองบประมาณก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในส่วนงบ Ict. 3,800 ล้านบาท รวมงบสาธารณูปโภค เป็นเงิน 4,800 ล้านบาท ปรับลดลงจากเดิมที่เคยเสนอ ครม. แล้วไม่ผ่าน ให้ ครม. พิจารณาแล้วนั้น
งบประมาณเดิมที่นายพรเพชรเสนอไปนั้น คือ 8,600 ล้านเศษซึ่งผมและอดีตส.ส.วิลาศ จันทร์พิทักษ์ได้คัดค้านต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจนเป็นผลให้ครม.ตีกลับทันที เพราะเป็นงบโป่งพองจริงๆจากเดิมที่เคยตั้งไว้แค่ 3,000 ล้านเท่านั้น
การคัดค้านของผมแม้ว่าจะถูกสนช.ท่านหนึ่งฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหายถึง 100 ล้านบาท แต่ก็คุ้มที่สามารถหยุดยั้งงบประมาณโป่งพองของรัฐสภานับพันล้านบาทได้และสามารถหยุดยั้งให้นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถตั้งคณะกรรมการสอบวินัยข้าราชการฝ่ายพัสดุ 18 คนที่เสนอให้สภาใช้วิธีเชิญชวนทั่วไปในการประมูลงบ Ict. แต่ไปขัดใจผู้อำนาจบางคนการที่ นายพรเพชร เสนองบ Ict. และ งบสาธารณูปโภคล่าสุด 4,800 ล้านบาท เท่ากับลดลงจาก 8,600 ล้านบาทถึง 3,800 ล้านบาท เท่ากับนายพรเพชรยอมรับว่ามีงบโป่งโพงจริงๆ หากไม่มีอดีตส.ส.คัดค้าน ประเทศชาติก็จะเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาลไปแล้ว
และถึงแม้ตัวเลขงบประมาณ 4,800 ล้านบาทที่นายพรเพชรเสนอเข้าครม.เพื่ออนุมัติไปแล้วนั้นงบประมาณ 4,800 ล้านบาทนี้ก็ยังดูสูงผิดปรกติอยู่ดี แต่ผมจะไม่ทำหนังสือคัดค้านถึง พลเอกประยุทธ์ อีกแล้วเพราะได้ส่งหนังสือคัดค้านอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นไปแล้ว หากงบประมาณ 4,800 ล้านบาทมีการทุจริตเกิดขึ้นในอนาคต คณะครม.ทั้งคณะก็ย่อมต้องรับผิดตามกฎหมายทุจริตไปด้วย เพราะสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่คงได้ตรวจสอบเรื่องนี้ทุกประเด็นอย่างแน่นอน
ผมจึงขอเตือนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา “นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี” โปรดพิจารณาทบทวนเรื่องนี้เป็นพิเศษอย่ามาตายตอนจบซึ่งใกล้ๆจะมีการเลิอกตั้ง ส.ส. แล้ว
ท่านอดีต ส.ส.วิลาศ จันทร์พิทักษ์ “อดีตประธาน ปปช.สภาผู้แทนราษฎร” ขอจองกฐินเรื่องการส่อทุจริตการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นวาระแรกส่วนคดีที่ นายชัชวาลย์ อภิบาลศรี “สนช.” ฟ้องหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ศาลอาญา นัดไต่สวน วันที่ 22 สิงหาคม เวลา 09.00 น. ผมจะไปฟังท่านเพราะเจตนาผมสุจริตใจต้องการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติซึ่งเป็นเงินงบประมาณของประชาชนที่เสียภาษีกันมาเลือดตาแทบกระเด็น และ สนช. ไม่มีการตรวจสอบเหมือนสภาผู้แทนราษฎร ผมจึงต้องทำหน้าที่ แม้อาจจะต้องขึ้นศาลบ้างก็ตามแต่เราไม่อาจละเลยต่อจิตสำนึกและหน้าที่ของอดีต ส.ส. ได้.
—————-