คุณครูประจำชั้น ป.1ออกเยี่ยมบ้านลูกศิษย์ เป็น 2 นร.ลูกครึ่งไทย-กัมพูชา พบสภาพหดหู่ บ้านปลูกคล้ายกระท่อมตีรอบบ้านด้วยสังกะสี ไม่มีประตู-หน้าเปิดโล่ง หวั่นไม่ปลอดภัย! นอนรวมกัน 4 คนพ่อ-แม่-ลูกอย่างอนาถา หลังคารั่วฝนตกต้องคอยหลบหลับ ๆ ตื่น ๆ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องไฟฟ้าอำนวยความสะดวก หรือแม้ห้องส้วมใช้เองเวลาปลดทุกข์ต้องอาศัยเพื่อนบ้าน จึงรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น-แชร์ผ่านโลกออนไลน์ เบื้องต้นมีคนเมตตาช่วยเหลือบ้างแล้ว
ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้งจากนางนิศาชล ยศรุ่งเรือง ตำแหน่งครู โรงเรียนบ้านบุสูง สังกัดสำนักงานการศึกษาพื้นที่เขต 2 ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ว่า “หลังออกตรวจบ้านนักเรียน เพื่อพุดคุยพบปะผู้ปกครอง,ติดตามการเล่าเรียนของนักเรียน ดูสภาพชีวิตความเป็นอยู่นักเรียนและครอบครัว ในโครงการเยี่ยมบ้านของเด็กนักเรียน ที่เป็นบ้านของนักเรียน ชั้นที่ตนเองเป็นครูที่ปรึกษา – สอนอยู่ ในช่วงชั้นที่ 1 (ป.1) จากการไปตรวจเยี่ยมบ้านของเด็กหญิง วลาลักษณ์ หรือ “น้องญาญ่า” บุญประสิทธิ์ ในหมู่บ้านเขารัง ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีนาย วิเชียร บุญประสิทธิ์ ผู้เป็นบิดา และ นางเซอรอย รอม มารดา ซึ่ง เป็นชาวกัมพูชา ได้พบสภาพบ้านของเด็กนักเรียนดังกล่าวหดหู่ใจมาก อยู่อย่างไม่ปลอดภัย สภาพบ้านปลูกเป็นแบบกระต๊อบ ไม่มีประตูและหน้าต่าง มีเพียงสังกะสีปิดล้อมรอบไว้เท่านั้นเอง ภาพในบ้านโล่งไม่มีห้องกั้น หลังคาเก่ารั่วเป็นรูโหว่ นอนรวมกัน ด้านนายเกียรติศักดิ์ ทัศคร ผอ.กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าได้รับรายงานจากครูประจำชั้นแล้ว ตนได้รายงานให้ผอ.เขตทราบแล้วและมีการช่วยเหลือในเบื้องต้นบ้างแล้ว
เบื้องต้นจึงกลับมารายงานให้นาย นภดล งามเหลือ นายอำเภอนาดี ทราบเรื่องแล้ว และลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที และได้ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว พร้อมกับประสานหน่วยงานต่างให้ทราบแล้ว ส่วนชาวบ้านที่ทราบข่าว จากคุณครูที่ได้มีการโพสเฟสบุ๊คออกไปก่อนหน้านี้อีกทางหนึ่ง ได้มีการระดมเพื่อนๆและกลุ่มคนตลาดบ้านโคกและชาวกบินทร์บางส่วนที่ทราบข่าวก็มีการนำของมาบริจาคช่วยเหลือให้ด้วย”
ผู้สื่อข่าว จึงได้ลงพื้นที่เดินทางไปยังบ้านของ ด.ญ วลาลักษณ์ หรือ น้องญาญ่า บุญประสิทธิ์ หมู่บ้านเขารัง เลขที่ 53 หมู่ 2 ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี พบนาย วิเชียร บุญประสิทธิ์ และนาง เซอรอย รอม ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของเด็กหญิงญาญ่า ซึ่งเรียนหนังสืออยู่โรงเรียนบ้านบุสูง ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ น้องสาวอีก 1คน กำลังเรียนอยู่ที่เดียวกัน เรียนอยู่ระดับชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ 1
จากการสอบถามนายวิเชียร พ่อของเด็กทั้ง 2 กล่าวว่า “ครอบครัวตนเอง อยู่รวมกัน จำนวน 4 คน พ่อ,แม่ลูก ๆ ฐานะยากจน มาก มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ได้ค่าแรงงานขั้นต่ำ วันละ300 บาท บางวันก็ไม่ได้ไปทำ สาเหตุแล้วแต่จะมีใครจ้าง สภาพตัวบ้านปลูกแบบกระท่อม ยกสูงชั้นเดียวห่างจากพื้นดินเพียง40 ซ.ม. ประตูและหน้าต่างบ้านไม่มีที่จะปกปิดให้ความปลอดภัย หรือป้องกันฝนฟ้า อีกทั้งไฟฟ้าก็ไม่มีใช้ ส่วนตัว ต้องอาศัยเสียบปลั๊กไฟฟ้าจากบ้านญาติข้างเคียง ส่วนห้องน้ำก็ไม่มีเช่นกันก็ต้องอาศัยบ้านญาติๆอีกเช่นเดิม” นายวิเชียรกล่าว
และกล่าวต่อไปว่า “แต่ก่อนตัวเองเคยดื่มเหล้า แต่ตอนนี่ตัวเองได้หยุดดื่มเด็ดขาด เพระสงสารลูกๆ หากยิ่งดื่มคงจะยิ่งจนลง ๆ อีกอย่างเมื่อมีคนในสังคม ยื่นมือเข้ามาช่วยตัวเอง เกิดความละอาย จะดื่มเหล้าอีกต่อไปไม่ได้แน่แล้ว เลยสาบานขอเลิกดื่มเหล้าอย่างเด็ดขาด ก่อนจะถึงเข้าพรรษานี้ เพื่อให้ลูกๆได้เรียนหนังสือให้จบในภาคการศึกษาอย่างน้อยขั้นพื้นฐาน (ม.6) หรือ ปวช. และขอให้มีที่อยู่อาศัยที่ดีกว่านี้ ส่วนภายในบ้านตัวเอง และภรรยาและลูกๆอีก2คน ต้องนอนรวมกันหมด ไม่มีเฟอร์นิเจอร์,อุปกรณ์เครื่องใช้อำนวยความสะดวก และนี่ก็เข้าหน้าฝนแล้ว คงต้องนอนแบบหลับๆตื่นๆ ต้องคอยดูหลังคาว่าน้ำรั่วตรงไหนบ้าง” นายวิเชียรกล่าว
นายวิเชียรกล่าวต่อไปว่า “ไม่ต้องการอะไรมาก ขอแค่มีบ้านอยู่ แบบมีประตู หน้าต่าง ให้ลูกๆได้อยู่อาศัยแบบปลอดภัย ตนเองก็พอใจแล้ว ส่วนอุปกรณ์หุงหาอาหาร อาทิ หม้อหุงข้าว ตนเองยังใช้เตาถ่านหุงหากินกันอยู่เลย เพระว่าตนเองไม่มีไฟฟ้าใช้ กับอีกทั้งความยากจน หาเช้า-กินค่ำ ทำให้ตนเองไม่มีเงินที่จะไปซื้อหม้อหุงข้าวไฟฟ้ามาใช้หรอกครับ และขอขอบคุณทุกๆหน่วยงานที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะขอขอบพระคุณนางสาว นิศาชล ยศรุ่งเรือง ครูประจำชั้นของน้องญาญ่า ที่ได้เข้ามาเยื่ยมบ้านของตนเองและลูกๆ และเห็นความยากจนจึงโพสต์ผ่านโลกออนไลน์ จนข่าวแพร่หลายไป”นายวิเชียรกล่าว
ด้านนายบุญชอบ กองจันดา นายก องค์การบริหารส่วนตำบลนาดี (อ.บ.ต.) กล่าวว่า “หลังทราบข่าว ได้เดินทางไปดูแลและหาทางช่วยเหลือครอบครัวยากจนนี้อีกแรงหนึ่งต่อไป “นายบุญชอบกล่าว
ขณะที่ นางนิศาชล ยศรุ่งเรือง กล่าวว่า “ จากที่โรงเรียนได้มีโครงการเยี่ยมบ้านนักเรียน ตนไปเยี่ยมบ้านของเด็กนักเรียนที่ประจำชั้น ป.1 ไปพบบ้านน้องญาญ่า เห็นสภาพบ้านมุงด้วยสังกะสี ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีประตู ซึ่งน้องญาญ่า และน้องสาว เป็นเด็กผู้หญิง เห็นสภาพแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัย โดยหลังจากน้องญาญ่าเลิกเรียนแล้ว กลับมาถึงบ้านพักต้องมานั่งรอ พ่อ – แม่ ที่ออกไปรับจ้างทำงาน คนรอบบ้านญาติพี่-น้องมี
แต่ถ้าหากน้อง ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิง อยู่กัน 2 คน ไม่มีประตูปิดบ้าน คงไม่ปลอดภัย และช่วงหน้าฝน ฝนสาด แอละหลังคารั่ว ความเป็นอยู่ลำบาก น่าจะได้รับความปลอดภัยมากกว่านี้ รู้สึกสงสารลูกศิษย์ ”นางนิศาชล กล่าว
“สำหรับการเล่าเรียน น้องญาญ่า มีความตั้งใจเรียน เข้ากับเพื่อน ๆ ได้ดี เป็นคนช่างคิดช่างฝัน มีความประพฤติเรียบร้อย กลับไปบ้านมีน้ำใจช่วยเหลืองานบ้าน พ่อ แม่ อาทิ ล้างจาน ปัดกวาดบ้าน และดูแลน้องที่กำลังเรียนได้”นางนิศาชล กล่าว
ด้าน นาย เกียรติศักดิ์ ทัศคร ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบุสูง กล่าวว่า “ ในฐานะเป็น ผอ.ที่ผ่านมาได้พิจารณาให้ทุนการศึกษากับครอบครัวนักเรียน พร้อมกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หนังสือ,อาหารในโครงการอาหารกลางวัน ได้ฟรี จากรัฐบาลในการช่วยเหลือ พร้อมกันนี้ได้ขอให้คนในพื้นที่ใกล้เคียงบ้านนักเรียน ได้ช่วยดูแล ส่วนเรื่องทุนการศึกษาได้พยายามหาผู้มีศรัทธาบริจาค” นาย เกียรติศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ส่วนการให้การช่วยเหลือที่ผ่านมา ได้มีนายนพดล งามเหลือ นายอำเภอนาดี ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “มีพระสงฆ์ – หลวงพ่อจากวัดแก้วฟ้ารังสี หรือ วัดหนองรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ท่าน มีความเมตตา,กรุณา ต่อเพื่อนมนุษย์ หลังรู้ข่าว ได้เสนอให้ไม้ เพื่อมาสร้างบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัวยากจนนี้ และประสานงานไปทางมูลนิธิต่างๆ เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือต่อไป”
ภาพ/ข่าว:ทองสุขสิงห์พิมพ์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรี/รายงาน…