เมื่อวันอังคารที่ 17 ก.ค. 2561 เวลา 11.00 น. ณ ลานเอนกประสงค์บช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ,พ.ต.ท.นพดล เจริญทรัพย์,พ.ต.ท.ธิติพงษ์ สียา,พ.ต.ท.สรรเพชร สุวรรณไตร รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ,ร.ต.อ.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ สว.ฯ,ร.ต.อ.สิทธิเดช หาญจริง,ร.ต.ท.พิชิต สนธิโพธิ์ รอง สว.ฯ, พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ร่วมแถลงผลการจับกุมหนุ่มอดีตพนักงานขายประกัน นำข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของผู้อื่นไปซื้อสินค้าออนไลน์สร้างความเสียหายนับล้านบาท โดยมีข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่พร้อมจะก่อเหตุอีก กว่า 20,500 รายและถูกจับมาแล้วหนึ่งครั้งแต่ยังก่อเหตุซ้ำอีก ผู้ต้องหาคือนาย พีรยุทธ์ หรือตั้้ม ครุฑธาพันธ์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/266 หมู่ที่ 2 ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี โดยกล่าวหาว่า “ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
พล.ต.ต.อิทธิพล ได้กล่าวว่าชุดสืบสวนสามารถจับกุมนายพีรยุทธ์ฯ ได้ที่ บริเวณอพาร์ทเม้นท์ หอการค้าคอนโด ซอยอินทามาระ 44 แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม.พร้อมของกลางยึด โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่น J7 สีน้ำตาลทอง หมายเลขโทรศัพท์ 062-7907891, โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ทรู สีดำ สองซิม หมายเลขโทรศัพท์ 064-7908081 และ 094-9394644
พล.ต.ต.อิทธิพลฯ กล่าวต่อว่า ได้มีผู้เสียหาย เข้ามาแจ้งข้อมูลจากการร้องเรียนจากสถานบันทางการเงิน มายัง บก.สส.บช.น.ว่าได้มีกลุ่มคนร้าย มีการลักลอบทำการซื้อขายข้อมูลทางธุรกรรมทางการเงินของประชาชนจากนั้นนำข้อมูลอันเป็นข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลหมายเลขบัตรประชาชน รวมทั้งวันหมดอายุ ไปทำการซื้อขายสินค้าออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ตโดยเฉพาะสินค้าประเภททรูมันนี่ ซึ่งถ้าหากบัตรของผู้เสียหายมีการป้องกันโดยต้องใส่รหัสหลังบัตร (CCV) คนร้ายก็จะปลอมเป็นพนักงานสถานบันทางการเงินหรือพนักงานบริษัทประกันภัยโทรศัพท์ไปยังเจ้าของบัตรเพื่อขอรหัส (CCV) ในการทำธุรกรรม โดยอ้างว่าเป็นการนำไป ใช้ต่อประกันหรือหรือจะคืนเงินจากเบี้ยประกันให้ เพียงแค่บอกรหัสรับเงิน จนผู้เสียหายหลงเชื่อมอบรหัสทำธุรกรรมให้ไป เมื่อได้รับรหัส (CCV) แล้ว คนร้ายจะนำรหัสดังกล่าวไปซื้อสินค้าออนไลน์ทำให้ผู้เสียหายและสถานบันทางการเงินได้รับความเสียหายหลายราย ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ได้กระทำมาแล้วเป็นเวลาหลายปี มูลค่าความเสียหายรวมเป็นจำนวนหลายล้านบาท ทั้งยังเคยถูกจับกุมมาแล้วหนึ่งครั้งในข้อหาและพฤติการณ์เดียวกันนี้ แต่ยังกระทำความผิดในลักษณะเดิมเรื่อยมาจนทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง นอกจากนี้ ผู้ต้องหาได้มีการอำพราง และวิธีการกระทำความผิดที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ซึ่ง พล.ต.ต.อิทธิพลฯ ได้สั่งการให้ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ เร่งรัดการจับกุมคนร้ายรายนี้ให้ได้โดยเร็ว เพื่อเป็นการยับยั้งความเสียหายและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จนกระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2561 เวลาประมาณ 00.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.วิเคราะห์ข่าวฯ จึงได้พบตัวและจับกุมผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา ยังพบว่าผู้ต้องหารายนี้มีข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์มือถือ และวันหมดอายุบัตรของบุคคลอื่นที่พร้อมจะก่อเหตุมากถึง 20,500 ราย จึงได้จับกุมผู้ต้องหารายนี้นี้พร้อมของกลางนำส่ง พงส. บก.ปอศ. เพื่อทำการสืบสวนขยายผลจับกุมต่อไป
ทั่งนี้ พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น.ขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า กรณีดังกล่าวนี้ บก.สส.บช.น.ได้ดำเนินการขยายผลติดตามเพื่อสืบสวนจับกุมกลุ่มบุคคลที่มีการซื้อขายข้อมูลทางการเงินมาโดยตลอด เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวมักจะก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง ทั้งนี้หากประชาชนโดยทั่วไปพบว่าหากมีโทรศัพท์มาขอรหัสการทำธุรกรรมต่างๆ ก็ไม่ควรจะให้ และควรจะติดต่อไปยังสถาบันทางการเงินโดยตรงเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นการกระทำของสถาบันทางการเงินจริงหรือไม่ ทั้งนี้กรณีที่มีเบาะแสหรือมีข้อสงสัยว่าจะถูกหลอกลวงสามารถให้เบาะแสหรือขอคำปรึกษาได้ที่ เพจ “ วิเคราะห์ข่าว นครบาล” ซึ่งเป็นเพจของ กองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อที่จะได้ให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษากับประชาชนต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน