16 กรกฎาคม 2561- จังหวัดลพบุรี / นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายวทัญญู ทิพยมณฑา ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 1 และพันเอก ดุสิต ประพฤติดีพร้อม เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 13 ลงพื้นที่จัดโครงการ “ผู้ตรวจการแผ่นดินพบสื่อมวลชน” จังหวัดลพบุรี มุ่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินแก่สื่อมวลชน รวมถึงกระบวนการขั้นตอนการทำงานเพื่ออำนวยความเป็นธรรม พร้อมนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่จริง ติดตามการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินของประชาชนในตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินของตนเองได้ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่สำหรับใช้ประโยชน์แก่ราชการทหาร
นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า จากกรณีการร้องเรียนของชาวบ้านตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ และตำบลชอนสมบูรณ์ อำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ที่อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่มาเป็นเวลานานแล้ว บางรายมีโฉนด บางรายมีเอกสารสิทธิ์เป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.3 ก หากแต่บางรายยังไม่มีเอกสารแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ตนครอบครอง และไม่สามารถดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์ใด ๆ ได้ เนื่องจากทางราชการแจ้งว่าที่ดินอยู่ในพื้นที่สำหรับใช้ประโยชน์แก่ราชการทหาร คือ เขตหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตต์หวงห้ามที่ดินในท้องที่อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ พุทธศักราช 2483 ทำให้ราษฎรในพื้นที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้พิจารณา และได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองทัพบก กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดนครสวรรค์ มาร่วมประชุมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลว่า เมื่อปี พ.ศ. 2520 กระทรวงมหาดไทยได้มีโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ราษฎรที่อาศัยอยู่ในเขตหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว โดยทางกรมธนารักษ์ได้มีหนังสือสอบถามไปยังกองทัพบกเพื่อขอทราบว่า กองทัพบกยังมีความประสงค์จะใช้ที่ดินดังกล่าวหรือไม่อย่างไร ซึ่งกองทัพบกมีความเห็นว่าไม่ประสงค์จะหวงห้ามไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป และไม่ขัดข้องที่กระทรวงมหาดไทยจะเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ราษฎรผู้ถือครองที่ดินบริเวณดังกล่าว ทำให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 เป็นต้นมา ได้มีการออกเอกสารสิทธิ์เป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) และออกเป็นโฉนดที่ดินในเวลาต่อมาให้กับราษฎรในพื้นที่หวงห้ามของจังหวัดลพบุรีและจังหวัดนครสวรรค์ไปบางส่วนแล้ว นายรักษเกชา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ยังได้มีการประกาศเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมทับซ้อนกับพื้นที่หวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และได้มีการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) ให้กับราษฎรไปแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2542 ทางราชการได้ดำเนินการสำรวจและออกเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ให้แก่ราษฎรผู้ครอบครองที่ดิน แต่เมื่อดำเนินการไปได้เพียงบางส่วนก็ต้องยุติลง ทำให้ผู้ครอบครองที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และผู้ไม่ได้รับการเปลี่ยนเอกสารสิทธิ์ในที่ดินเป็นโฉนดไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งการแก้ไขปัญหากรณีนี้เกี่ยวพันกับหลาย ๆ ระเบียบและข้อกฎหมาย อีกทั้งต้องอาศัยการแสวงหาข้อเท็จจริงจากหลาย ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการตรวจสอบว่า ก่อนปี พ.ศ. 2483 ที่ออกพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามที่ดินดังกล่าว ได้มีราษฎรครอบครองทำประโยชน์หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวอยู่หรือไม่ อย่างไร
“ปัจจุบันหลาย ๆ พื้นที่ภายใต้พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตต์หวงห้ามที่ดินในท้องที่อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี และอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ พุทธศักราช 2483 ได้พัฒนาขยายตัวเป็นชุมชน โรงเรียน วัดวาอาราม นิคมสร้างตนเอง พื้นที่สำหรับการเกษตรกรรม และหน่วยราชการต่าง ๆ ซึ่งการลงพื้นที่ตรวจสอบลักษณะทางกายภาพที่ดินของประชาชน
ในวันนี้ จะทำให้เห็นภาพรวมของปัญหาที่สั่งสมมานาน รวมทั้งได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด ช่วยให้เกิดการวิเคราะห์หาแนวทางการแก้ไขปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เล็งเห็นว่า ปัญหาพื้นที่ในเขตหวงห้ามนี้มีความซับซ้อน กินพื้นที่หลายอำเภอหลายจังหวัด การแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบในวงกว้างเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาในเชิงระบบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไขและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินยินดีเป็นตัวกลางที่จะประสานทุกภาคส่วนให้มาร่วมด้วยช่วยกันสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับประชาชนและส่วนรวมอย่างแน่นอน” นายรักษเกชา กล่าวทิ้งท้าย
ใจรัก วงศ์ใหญ่ ข่าว/ สำนักข่าวเดลิซันเดย์ ภาพ/ ศูนย์ข่าว 5 เหล่าทัพ จังหวัดลพบุรี