เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2561 ผศ.ดร.อานนท์ แสนน่าน ผอ.มหาวิชชาลัยภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นไทย นายอำพล แสนน่าน ประธานเครือข่ายคนหนุ่มคืนถิ่นฮักบ้านเกิดอีสาน และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมและขอความรู้ชี้แนะกับทาง รศ.ดร.อฤเดช แพงอะมะ ส.อบจ.อุดรธานี ในฐานะ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มวนเกษตรอำเภอทุ่งฝน ณ บ้านท่าช่วง ต.ทุ่งฝน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ที่ได้สร้างเป็นแหล่งเกษตรอินทรีย์ “ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์” และทำกาแฟขี้ชะมดรายแรกอุดรธานี
รศ.ดร.อฤเดช แพงอะมะ ส.อบจ.อุดรธานี ในฐานะ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มวนเกษตรอำเภอทุ่งฝน ได้กล่าวว่า เลี้ยงชะมดหรือมุสังหอม หรือทางภาคเหนือเรียกว่าอีเห็นข้างลายจำนวนกว่า 110 ตัว โดยป้อนให้กินเมล็ดกาแฟสด สลับกับกล้วย นม ผลไม้ที่มีกากใยและอื่น ๆ เพื่อนำขี้ชะมดที่ได้มาสกัดเป็นกาแฟขี้ชะมดเมืองอุดรธานี โดยชะมด 1 ตัวจะกินเมล็ดกาแฟสุกวันละ 1 กิโลกรัมในช่วงเย็น และเช้าจึงสามารถเก็บขี้ชะมดไปตากแดดอีก 8 วันก่อนจะนำไปเข้าตู้อบอีก 6 เดือน แล้วนำมาคั่วด้วยความร้อน 200 องศาเป็นเวลา 13 นาที จึงสามารถนำมาบดให้เป็นผง นำออกจำหน่ายในราคาแก้วละ 200 บาท
อย่างไรก็ตาม หากเป็นเมล็ดกาแฟที่คั่วสุกแล้วแต่ยังไม่บดเป็นผงขาย ซองละ 50 กรัม ราคา 1,000 บาท, ซองละ 100 กรัมราคา 2,000 บาท,ซองละ 150 กรัมราคา 3,000 บาท และซองละ 200 กรัมราคา 4,000 บาท ซึ่งการเก็บเมล็ดกาแฟที่คั่วสุกจะเก็บไว้ได้นานกว่ากาแฟผง ส่วนรสชาติของกาแฟขี้ชะมดหอม กลมกล่อม ละมุนละไมและนุ่มลิ้นมาก หอมติดลำคอ สร้างความกระปรี้กระเปร่า และชุ่มคอตลอดทั้งวัน ทำให้คอกาแฟนิยมดื่มกาแฟขี้ชะมดแม้จะมีราคาสูงกว่ากาแฟปกติทั่วไปก็ตาม
นอกจากนี้ รศ.ดร.อฤเดช ได้กล่าวอีกว่า ได้หาซื้อชะมดจากชาวบ้านและซื้อมาจากต่างจังหวัดปัจจุบันกฏหมายได้ยกการสงวนและคุ้มครองชะมดข้างลายแล้วเนื่องจากสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
ภาพ/ข้อมูล
ดร.อานนท์ แสนน่าน
ทศพร ก้อนแก้ว รายงาน