ยอมผ่อนปรน !!! “มะกัน” หวั่นไทยตีตัวออกห่าง ?? -ส่งทหาร 3,600 นาย ร่วมฝึกคอบร้าโกลด์
“วอชิงตันโพสต์” เผยแม้รบ.ไทยกับมะกันมีข้อพิพาท ต้องจับมือทางการจีนเพื่อถ่วงดุลอำนาจ -จนแล้วจนรอด
การฝึกคอบร้าโกลด์ยังมีต่อ พร้อมส่งทหาร 3,600 นาย เข้าฝึกในสัปดาห์นี้
วันนี้ ( 8 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วอชิงตันโพสต์ รายงานเมื่อวานนี้(7) ว่า หลังจากเกิดการทำรัฐประหารในไทย
ในปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้หยุดให้ความช่วยเหลือทาง
ทหารจำนวน 4.7 ล้านดอลลาร์ และโครงการแลกเปลี่ยนต่างๆกับไทย ซึ่งแม้จะย่างเข้าสู่ปี 2015 แต่ไทยยังอยู่
ภายใต้กฎหมายควบคุมความมั่นคงทางทหาร และตัวรัฐบาลรักษาการที่อยู่ภายใต้การนำของบิ๊กตู่ดูเหมือนจะไม่
ยอมให้ไทยกลับเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่กระนั้นทำเนียบขาวตัดสินใจให้สหรัฐฯยังคงส่งทหารร่วมฝึก
คอบบร้าโกลดด์ประจำปีกับกองทัพไทยต่อไปในปีนี้
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า โครงการฝึกคอบบร้าโกลด์ถือเป็นการฝึกผสมนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งไทยและสหรัฐฯ
ได้ฝึกร่วมกันในโครงการนี้มานานกว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งการฝึกในปีนี้จะมีทหารจำนวน 13,000 คนจากประเทศในแถบ
มหาสมุทรแปซิฟิกร่วม 12 ชาติ รวมไปถึง ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ เข้าร่วม โดยวอชิงตันลังเลที่จะถอนไทย
ออกจากการฝึกด้วยเกรงจะกระทบความสำพันธ์อันยาวนานทางทหารระหว่างทั้งสองชาติ โดยไทยเป็นพันธมิตรที่
เก่าแก่ของสหรัฐฯเกือบ 2 ศตวรรษ และนอกจากนี้วอชิงตันเกรงว่า ผู้กุมบังเหียนของไทยในขณะนี้จะหันไปจับมือ
กับจีนมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่ออิทธิพลของสหรัฐฯในย่านเอเชียแปซิฟิก และในขณะเดียวกัน แหล่งข่าวสหรัฐฯเผยว่า
วอชิงตันเกรงว่า อาจจะเป็นการส่งสัญญาณผิดให้เห็นว่า สหรัฐฯนั้นสนับสนุนการทำรัฐประหาร และหนุนหลัง
พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งต่างจากในปีที่ผ่านมา เพนตากอนให้ความสำคัญน้อยมาก
กับการฝึกผสมคอบบร้าโกลด์ ที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 – 20 กุมภาพันธ์
ด้านเจฟรี พูล โฆษกเพนตากอนปฎิเสธที่จะตอบข้อสงสัยในเรื่องนี้ แต่ให้วอชิงตันโพสต์สอบถามสถานทูตสหรัฐฯ
ประจำประเทศไทยแทน
และในแถลงการณ์ของสถานทูตสหรัฐฯประจำไทย เมลิสซา สวีนีย์ (Melissa Sweeney) โฆษกสถานทูตสหรัฐฯ
ประจำประเทศไทยกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่สหรัฐฯตัดสินใจที่จะยังคงดำเนินการฝึกผสมคอบบร้าโกลด์ต่อไป แต่ได้
ปรับเปลี่ยนและจำกัดการฝึกในปี 2015 ลงอย่างมาก เนื่องจากเหตุการณ์ทำรัฐประหารในไทย” สวีนีย์ชี้ว่า ในปีนี้
การฝึกจะเน้นหนักในการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมมากขึ้น แต่การฝึกจู่โจมสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก หรือ
amphibious landing exercise ได้ถูกยกเลิกไป แต่กระนั้นโฆษกสถานทูตสหรัฐฯประจำไทยยอมรับว่า มีการนำ
การฝึกยิงภาคสนามในสถานการณ์จริงมาแทน และนอกจากนี้ตัวเลขของทหารสหรัฐฯที่จะมาเข้าร่วมลดลงจาก
4,300 นายในปีที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่ 3,600 นายที่จะเข้าร่วมในปีนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้ เพนตากอนได้ป่าวประกาศการฝึกผสมคอบร้าโกลด์ ว่า เป็นความร่วมมือใกล้ชิดทางการทหาร
ระหว่างสหรัฐฯและไทย มีการนำนักข่าวเข้าร่วมชมการฝึกในป่าลึก เพื่อฝึกให้เอาตัวรอดโดยมีครูจากกองทัพไทย
นำชมสาทิตการดื่มเลือดจากงู และกินแมลงเพื่อประทังชีวิต
และสวีนีย์ยังเผยว่า ในเดือนหน้า จะมีการฝึกผสมร่วมระหว่างสหรัฐฯและไทยภายใต้ชื่อ “Cope Tiger” ที่เป็น
การฝึกผสมที่มีทหารป้องกันทางอากาศยานและบินรบหลายสิบหน่วยเข้าร่วม ซึ่งในเดือนมีนาคม ปี 2014 มี
ทหารสหรัฐฯจำนวน 160 คนเข้าร่วมฝึกที่กองบิน 1 นครราชสีมา ของกองทัพอากาศไทย และทหารอากาศ
สิงคโปร์เข้าร่วมฝึกด้วยเช่นกัน
วอชิงตันโพสต์รายงานต่อว่า หลังการทำรัฐประหารในไทย เพนตากอนพยายามที่จะรักษาระยะห่าง แต่จะไม่
ด่วนตัดสัมพันธ์กับไทย ซึ่งพบว่าในเดือนที่ผ่านมา แดเนียล อาร์ รัสเซล (Daniel R. Russel) นักการทูตระดับ
สูงของสหรัฐฯ ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดจากรัฐบาลโอบามาเดินทางมายังไทยนับตั้งแต่เกิดการทำรัฐประหาร
ในเดือนพฤษภาคม 2014 และในสุนทรพจน์ของรัสเซลเมื่อวันที่ 26 มกราคม ล่าสุด ตัวแทนสหรัฐฯได้กล่าว
ชื่นชมถึงความสัมพันธ์ที่ยาวนานของสองชาติ แต่กระนั้นรัสเซลได้กล่าวตำหนิถึงความไม่เป็นประชาธิปไตย
หลายอย่างของไทย “ผมจะขอพูดตรงไปตรงมาว่า ในการที่ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งถูกทำให้หลุดจาก
อำนาจจากการทำรัฐประหาร และยังถูกยัดด้วยข้อกล่าวหาทางอาญา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้สังคมนานาชาติเข้าใจ
ได้ว่า เกิดมาจากแรงจูงใจทางการเมือง”
และการวิจารณ์ของรัสเซลนี้ส่งผลให้รัฐบาลไทยต้องขอคำอธิบายอย่างเป็นทางการจากสถานทูตสหรัฐฯ
ประจำกรุงเทพฯ และไม่กี่วันต่อจากนั้นพลเอกประยุทธได้ตอบโต้สหรัฐฯอย่างเผ็ดร้อน ด้วยการพบกับ
รัฐมนตรีกลาโหมของจีนที่กรุงเทพฯ พร้อมปรึกษาหารือความร่วมมือที่มากขึ้นทางทหารระหว่างสองชาติ
พร้อมทั้งขอบคุณจีนที่เข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองในไทย
ที่มา ทีนิว