เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม2561 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า จะมีเกษตรกรชาวไร่อ้อย ทั้ง 2 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมชาวไร่อ้อยเพชรบูรณ์ และ สมาคมชาวไร่อ้อยบึงสามพัน ได้รวมตัวกันกว่า 500 คน เตรียมเดินทางเข้าไปยังตัวจังหวัด เพื่อยื่นหนังสือ ขอเสนอแนวทางแก้ไขความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย และขอให้สนับสนุนร่างแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ……(ยังไม่ระบุพ.ศ.เพราะอยู่ในขั้นตอนร่างฯ) ต่อผู้ว่าฯที่ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ ตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้
ซึ่งภายหลังจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รับทราบปัญหาดังกล่าว ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมที่จะรับฟังและนำปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวไร่อ้อย นำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันสู่การช่วยเหลือตามลำดับต่อไป จึงได้ประสานไปยัง ฝ่ายปกครองอำเภอศรีเทพ ทหาร ตำรวจ เข้าไปพูดคุย ขอความร่วมมือกลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยให้ไปรวมตัวกันที่สมาคมชาวไร่อ้อยเพชรบูรณ์ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ 13 ตำบลสระกรวด อำเภอศรีเทพ แทนการเดินทางเข้ามายังตัวจังหวัด เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ล่าสุด นายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มอบหมายให้ นายกฤษณ์ คงเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้แทนเดินทางมารับมอบหนังสือจากกลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยมี นายถนอม โพธิกุล นายกสมาคมชาวไร่อ้อยเพชรบูรณ์ นายทวี ปานจันทร์ รักษาการนายกสมาคมชาวไร่อ้อยบึงสามพัน นายดนัย ศรีสังข์ อุปนายกสมาคมชาวไร่อ้อยเพชรบูรณ์ เป็นตัวแทนส่งมอบ และมี นายสมเจตน์ เปลื้องนุช นายอำเภอศรีเทพ ,พ.ต.อ.อาคม ช้างพลายแก้ว ผกก.สภ.ศรีเทพ ,พ.อ.วุทธิพัฒน์ ปรัชญ์ฐากรณ์ เสนาธิการ กรมทหารม้าที่3 กองพลทหารม้าที่ 1 เข้าร่วมในครั้งนี้
นายกฤษณ์ คงเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพชรบูรณ์ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยการยื่นหนังสือครั้งนี้ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีแก่กลุ่มเกษตรกรหรือกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนอื่นๆนำไปเป็นแนวทางแก้ปัญหา เนื่องจากในข้อเรียกร้องต่างๆ ได้มีแนวทางแก้ไขไว้ให้อย่างชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าเมื่อนำเสนอยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วนั้น ปัญหาดังกล่าวจะถูกนำไปพิจารณา และแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง มากยิ่งขึ้น
สำหรับสาระสำคัญใน รายละเอียดหนังสือ ขอเสนอแนวทางแก้ไขความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อย และขอให้สนับสนุนร่างแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ…… ประกอบด้วย
ข้อ1.ผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล คือ จากนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา รวมถึงนโยบายปี 2560/61 ส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อน และเสียหายต่อเกษตรกรชาวไร่อ้อยและชาวนาเป็นอย่างมาก ดังนี้ 1.1 นโยบายส่งเสริมให้ชาวนาหันมาปลูกอ้อย ทำให้ปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้น จากปีที่แล้ว 92.95 ล้านตัน เป็น 134.77 ล้านตัน (ณ วันที่27พ.ค.61)โดยการเพิ่มขึ้นนั้น มาจากพื้นที่ปลูกที่เพิ่มขึ้น มิใช่จากการเพิ่มของผลผลิตตันต่อไร่ ซึ่งในแต่ละปีระยะเวลาหีบของโรงงานมีระยะเวลาที่จำกัด เนื่องจากเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนจะเป็นอุปสรรคกับการเก็บเกี่ยวและคุณภาพอ้อยก็จะแย่ลง ต้นทุนสูงขึ้น เป็นผลให้ในปีการผลิต 2560/61มีอ้อยเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
1.2การควบคุมน้ำหนักการบรรทุกอ้อยส่งโรงงาน การจำกัดน้ำหนักการบรรทุกอ้อย การจำกัดความสูงที่ 3.6เมตรนั้น ส่งผลกระทบให้มีปริมาณอ้อยคงเหลือ เนื่องจากอ้อยเป็นพืชที่มีระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว กรอปกับปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้น เป็นผลให้ชาวไร่อ้อยไม่สามารถนำอ้อยส่งโรงงานได้หมดตามฤดูหีบ จึงมีปริมาณอ้อยเหลือค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
1.3การกำหนดให้โรงงานน้ำตาลหยุดช่วงเทศกาลต่างๆ ในฤดูการหีบอ้อย ชาวไร่อ้อยต้องหยุดตัดอ้อยทำให้การตัดอ้อยส่งโรงงานล่าช้าลงไปอีก จึงส่งผลให้ตัดอ้อยเข้าโรงงานไม่หมด
1.4การกำหนดนโยบายการนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่เข้มงวด มองในแง่ความมั่นคงของประเทศเป็นข้อกำหนดที่ดี แต่สร้างผลกระทบต่อเกษตรกรจำนวนมาก ที่พึ่งพาแรงงานต่างด้าวในการเก็บเกี่ยวอ้อย ซึ่งมีระยะเวลาเพียง 4-5เดือน หากไม่สามารถนำเข้าแรงงานกลุ่มนี้ได้ หรือการนำเข้ามีอุปสรรคมาก ก็จะส่งผลให้ไม่สามารถตัดอ้อยได้เสร็จทันในฤดูกาลผลิต ทำให้เกษตรกรมีอ้อยคงเหลือในไร่ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนตามมาอีก
ข้อ2.ราคาอ้อยที่ตกต่ำ ฤดูการผลิตปี2560/61 และปีการผลิต 2561/62 สืบเนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับ2ของโลก มีการบริโภคภายในประเทศเพียง 2.6ล้านตัน และในกลุ่มประเทศผู้ผลิต เช่น ไทย อินเดีย บราซิล มีปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมามีราคาอยู่ที่ประมาณ 18 เซนต์/ปอนด์ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 11 เซนต์/ปอนด์ ในปัจจุบัน รวมถึงโครงสร้างรายได้ของเกษตรกรชาวไร่อ้อยมาจากราคาน้ำตาลเพียงอย่างเดียว เป็นผลให้ราคาอ้อยขั้นต้นที่ได้รับในปี 2560/61 อยู่ที่ตันอ้อยละ 880บาทที่ 10 ซี.ซี.เอส และมีข้อเท็จจริงขณะนี้ปรากฎว่าราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปีการผลิต 2560/61 จะติดลบไม่ต่ำกว่า 100บาท/ตัน หมายถึงชาวไร่อ้อยไม่ได้รับเงินเพิ่ม ซึ่งผลกระทบดังกล่าวนี้ จะต่อเนื่องไปยังฤดูกาลผลิตตปี 2561/62 ที่คาดว่าราคาอ้อยที่ชาวไร่อ้อยจะได้รับอยู่ที่ประมาณ 700บาทต่อตันอ้อยที่ 10 ซี.ซี.เอส ซึ่งหากราคาอ้อยเป็นไปตามประมาณการดังกล่าว เกษตรกรชาวไร่อ้อยจะประสบปัญหาการขาดทุนอย่างหนัก ก่อให้เกิดหนี้สินตามมา ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนกับเกษตรกรชาวไร่อ้อยและครอบครัวอย่างสาหัส เพราะการกำหนดราคาอ้อยที่ชาวไร่อ้อยได้รับควรไม่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตการปลูกอ้อย
ข้อ3.ร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ……… เกษตรกรชาวไร่อ้อยรวมกว่า 20,000 ราย ได้เข้าชื่อในการเสนอร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ……..และจำนวนกว่า 200 ราย ได้เดินทางไปยื่นร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ……..ต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาตติ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมานั้น เพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยในฐานะผู้ผลิต และถือว่าเป็นผู้ผลิตต้นน้ำ ได้มีความเป็นอยู่ที่ดี และมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงขอยืนยันและขอความสนับสนุนให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ…….ตามร่างที่เกษตรกรชาวไร่อ้อยเสนอ ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้ 3.1 ให้มีการปรับปรุงการเพิ่มรายได้จากการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย ตลอดจนผลพลอยได้ เพื่อให้เกษตรกรไร่อ้อยมีราคาอ้อยที่เพิ่มสูงขึ้น
3.2ยืนยันความเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยที่ได้มีการกำหนดคุณสมบัติไว้แล้วในพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทรายที่เสนอ คือ การเป็นสถาบันชาวไร่อ้อยต้องมีคุณสมบัติเดียวกันทุกองค์กร และต้องมีปริมาณอ้อยของสมาชิกส่งโรงงานน้ำตาลใดโรงงานหนึ่งไม่ต่ำกว่า 55 เปอร์เซ็นต์ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้องค์กรเกษตรกรชาวไร่อ้อยเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะทำให้การรักษาผลประโยชน์ของชาวไร่อ้อยมีเอกภาพยิ่งขึ้น
จึงนำเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และนำเรียนรัฐบาลให้เร่งหาแนวทางช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่อ้อยเป็นการด่วน เพื่อป้องกันมิให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยรวมตัวกันมาเรียกร้องต่อรัฐบาลก่อนจะมีการเปิดหีบในฤดูกาลผลิตปี 2561/62 ต่อไป
ราเมธ บงแก้ว/มนสิชา คล้ายแก้ว ผู้สื่อข่าวจังหวัดเพชรบูรณ์