จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งนำคลิปภาพรถอีซูซุสีขาวขับย้อนศรมาที่บริเวณหน้าหมู่บ้านกล้องตะวัน ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ทำให้รถตนได้รับความเสียหายแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บในคลิปดังกล่าวสุภาพสตรีสองคนขับรส่วนบุคคลมุ่งหน้าสี่แยกไฟแดงหรือสี่แยกสามทหาร เมื่อวานนี้เวลาประมาณ11.00 น ในภาพขณะที่หญิงสาวขับรถมาตามถนนสายสุวรรณศร(33) จู่ๆได้มีรถกระบะอีซูซสีขาวขับย้อนศรวิ่งตรงมาอย่างเร็ว ตนเองรู้สึกตกใจที่มีรถยนต์วิ่งย้อนศรบนถนนสายหลัก ขณะเกิดเหตุทำให้รถของเธอเสีย
หลักหมุนคว้างหนึ่งรอบรถชนกับขอบฟุตบาดกระจังหน้ารถด้านซ้ายแตกหัก เพื่อนปลอบใจพร้อมทั้งบอกให้ตั้งสตินำรถออกไว้ข้างทางก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุซ้อน หลังจากเกิดเหตุตนและเพื่อนได้นำคลิปภาพโพสต์ลงเฟสบุ๊คเพื่อตามหารถคันดังกล่าวเมื่อเวลา 14.02 น.วานนี้หลังจากนั้นโลกโซเชียลได้แชร์คลิปภาพตามหารถอีซูซุในภาพ
ล่าสุดวันนี้ 30 พค.61ได้มีเจ้าของรถอีซูซุสีขาวได้ออกมาแสดงตัวแล้วคือ นายสมจิตร์ วาจาตรง อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่66 ม.15 ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี และขอเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิใจว่าไม่ได้หลบหนี นายสมจิตร์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อข่าวว่า วานนี้เมื่อเวลา 11.00 น.ตนขับรถอีซูซุ สีขาว ทะเบียน ศม
6653 กทม มาส่งพระเพื่อมาทำธุระหลังจากเสร็จภาระกิจก็ขับรถออกมาจากบริเวณดังกล่าว ตนเห็นว่าเป็นถนนก็เลยขับตรงมาโดยไม่รู้ว่าขับย้อนศรประกอบกับตนเองมีโรคประจำ เบาหวาน-ความดันตาลายมองเห็นไม่ชัดเมื่อขับรถขึ้นทางตรงได้เห็นว่ามีรถวิ่งสวนมาก็เลยกระพริบไฟใส่เพื่อเป็นการขอทาง ไม่มีเจตนาที่จะหนีแต่อย่างใดพอกลับมาถึงบ้านได้เล่าให้ภรรยาและลูกๆฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทุกคนรู้สึกตัวใจมากกับเรื่องที่
เกิดขึ้น ทุกคนหารือกันแล้วว่าจะเข้ามาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อความบริสุทธิใจและยอมรับผิดและอยากขอโทษสังคมและคู่กรณีด้วยตนไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน นางทอง วาจาตรง อายุ64 ปี ภรรยานายสุรชัย กล่าวว่าพอได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ปรึกษากับลูกๆว่าต้องรีบไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอยอมรับผิดกับเรื่องที่เกิด
ขึ้นเมื่อคืนครอบครัวทุกคนนอนไม่หลับ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ร.ต.อ.สุระชัย คำพลงาม รองสารวัตรสองสวนจึงได้ติดต่อไปหา นส.ปวริศา ลิพวงษาทอง เจ้าของคลิปและผู้เสียหาย คู่กรณีมาพบเพื่อตกลงกันกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยนส.ปวริศาได้ขับรถเก๋งมาสด้าทะเบียนกค 808 ปจ มาให้พนักงานสอบสวนดูเป็นหลักฐาน
พนักงานสอบสวนได้ให้ทั้งสองเล่าเรื่องราวที่เกิดให้ฟังอย่างละเอียดเพื่อที่จะตกลงยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ฟังเรื่องราวจากปากนายสมจิตร์และบอกว่านายสมจิตร์เป็นฝ่ายผิดกฎจราจรคงต้องเสียค่าปรับตามกฎหมายจราจร ซึ่งนาย
สมจิตร์ยินดีรับผิดตามกฎหมายจราจรแต่โดยดี
นส.ปวริศาได้เรียกค่าเสียหายและค่าเสียโอกาสในการทำงานธุรกิจส่วนตัว50,000บาทฝ่ายนายสมจิตร์ขอต่อรอง 40,000 บาทเพราะไม่มีเงินตามที่เรียกมาเพราะอายุมากแล้วไม่มีอาชีพอะไร นส.ปวรศาถามต่อหน้าพนักงานสอบสวนว่าถ้าไม่ได้ออกมารับผิดแทนใครก็พอที่จะยอมให้อภัยได้และยอมลดให้เพราะมีความจริงใจและยอมรับผิดแบบลูกผู้ชายและคนโต ซึ่งทั้งสองฝ่ายยอมตกลงตามที่บอกมาพนักงานสอบสวนจึงลงบันทึกประจำ
วันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน…
ภาพ/ข่าว:ทองสุขสิงห์พิมพ์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรี/รายงาน…