สภาพอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เที่ยวบิน 8501 ของแอร์เอเชียประสบเหตุร้ายเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
รายงานของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินโดนีเซียระบุ โดยสันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ที่เครื่องยนต์ของเครื่องบินลำนี้เสียหาย
จากระบบระบายความร้อนอยู่ในสภาพเย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็ง ขณะเดียวกัน อากาศที่เลวร้ายในวันอาทิตย์ (4 ม.ค.)
ก็เป็นเหตุให้ต้องระงับการค้นหาลงชั่วคราว หลังจากพบศพเพิ่มอีก 4 ทำให้ยอดรวมที่เจอแล้วทั้งสิ้นเป็น 34 ศพ
รวมทั้งตรวจพบชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของเครื่องบินชิ้นที่ 5
ทีมค้นหายังคงระดมกำลังค้นหากล่องดำของเครื่องบินแอร์บัส เอ320-200 ลำนี้ ที่ประสบอุบัติเหตุตกลงกลางทะเลชวา
เมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 162 ชีวิต หลังออกจากสนามบินสุราบายา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่
อันดับ 2 ของอินโดนีเซีย มุ่งหน้าสู่สิงคโปร์
รายงานเบื้องต้นบนเว็บไซต์สำนักงานอุตุนิยมวิทยา (BMKG) ของอินโดนีเซียที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ บ่งชี้ว่า
สภาพอากาศอาจเป็นสาเหตุให้เที่ยวบิน 8501 ของแอร์เอเชียตก เนื่องจากระหว่างเกิดเหตุ ดูเหมือนเครื่องบิน
ได้บินเข้าสู่กลุ่มเมฆฝนหนาทึบ
“ปรากฏการณ์สภาพอากาศที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ เกิดน้ำแข็งที่กระบวนการระบายความร้อน จนทำให้เครื่องยนต์เสียหาย
นี่คือหนึ่งในความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น โดยอิงกับการวิเคราะห์ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาที่มีอยู่”
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดในการสอบสวนผู้หนึ่งเผยว่า ข้อมูลเรดาร์บ่งชี้ว่า เครื่องยนต์ไต่ระดับสูงมาก “อย่างไม่น่าเชื่อ”
หรือเกินขีดจำกัดศักยภาพของเครื่องเอ320 ก่อนตก
ทั้งนี้ นักบินผู้ควบคุมเที่ยวบิน 8501 เป็นอดีตนักบินเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศอินโดนีเซีย มีประสบการณ์การบิน
6,100 ชั่วโมง และเครื่องบินลำดังกล่าวเพิ่งเข้ารับการซ่อมบำรุงเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทำไมเครื่องบินลำอื่นๆ ซึ่งกำลังอยู่ในเส้นทางบินเดียวกันจึงไม่ได้รับความกระทบ
กระเทือนจากสภาพอากาศ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่า เวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะมาอธิบายถึงสาเหตุของเหตุร้าย
คราวนี้ เนื่องจากข้อมูลยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังไม่ได้ข้อมูลจากกล่องดำเลย
วันเดียวกัน ฟรานซิสคุส บัมบัง โซลิสต์โย ผู้อำนวยการสำนักงานค้นหาและกู้ภัยของอินโดนีเซีย แถลงว่า
ระบบโซนาร์ตรวจพบชิ้นส่วนขนาดใหญ่ชิ้นที่ 5 ที่มีความยาวเกือบ 10 เมตรกว้าง 1 เมตร และเชื่อว่าเป็นของเครื่องบินลำนี้
ชิ้นส่วนขนาดใหญ่ทั้ง 5 ชิ้น โดยชิ้นใหญ่ที่สุดยาวประมาณ 18 เมตร กว้าง 5.4 เมตร ต่างถูกตรวจพบที่บริเวณ 90 ไมล์ทะเล
จากชายฝั่งบอร์เนียว และอยู่ก้นทะเลลึกเพียง 30 เมตร ซึ่งในสภาพอากาศปกติน่าจะสามารถกู้ขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ทว่าสภาพอากาศที่ทั้งคลื่นลมแรงและฝนตกหนักตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการค้นหา
เวลานี้มีเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ 20 ลำ รวมทั้งเรือ 27 ลำจากอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และอเมริกา
รวมทั้งทีมนักประดาน้ำ ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญ 7 คนจากรัสเซีย เตรียมพร้อมในบริเวณดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถ
ปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่
ระหว่างทำการค้นหาในบางขณะที่อากาศดีขึ้นบ้างเมื่อวันอาทิตย์ ทีมนักประดาน้ำทีมหนึ่งได้ลงไปยังชิ้นส่วนชิ้นใหญ่ที่สุด
และสามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้ 1 ร่าง นอกจากนั้นทีมค้นหาอื่นๆ ได้พบศพที่กำลังลอยอยู่ในทะเลอีก 3 ศพ เมื่อรวมกับ
ที่พบเดิมทำให้เวลานี้เจอศพผู้ประสบภัยแล้วทั้งสิ้น 34 ราย
บัมบัง โซลิสต์โย ระบุว่า นักประดาน้ำพยายามลงไปอีก ทว่าวิสัยทัศน์บริเวณก้นทะเลนั้นเท่ากับศูนย์ ทั้งมืดและเต็มไปด้วย
โคลนตม ขณะที่กระแสน้ำก็พัดแรงระดับ 3-5 น็อต จึงต้องยุติการค้นหาลงชั่วคราว
อุบัติเหตุครั้งนี้ถือเป็นกรณีร้ายแรงถึงขั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตครั้งแรกของแอร์เอเชีย ขณะที่ทางการอินโดนีเซียกำลังดำเนิน
การตรวจสอบ รวมทั้งสั่งระงับการให้บริการในเส้นทางสุราบายา-สิงคโปร์แล้ว ด้วยเหตุผลว่าแอร์เอเชียมีใบอนุญาตบิน
ในเส้นทางดังกล่าวเฉพาะวันจันทร์ อังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ แต่เที่ยวบินที่ประสบเหตุให้บริการในวันอาทิตย์
ด้านแอร์เอเชียแถลงเพียงว่า จะให้ความร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมอินโดนีเซียอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน กรมการบินพลเรือนของสิงคโปร์และ ชังงี แอร์พอร์ต กรุ๊ป ผู้ดำเนินการท่าอากาศชังงีของสิงคโปร์
ออกคำแถลงร่วมระบุว่า แอร์เอเชียได้รับอนุญาตตามที่จำเป็นในการให้บริการเที่ยวบินเป็นประจำทุกวัน
ในเส้นทางสุราบายา-สิงคโปร์