เอเอฟพี – เจ้าหน้าที่อิรัก และผู้นำชนเผ่าระบุวันนี้ (2 พ.ย.) ว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กลุ่มนักรบญิฮาด “รัฐอิสลาม”
(ไอเอส) ได้สังหารสมาชิกชนเผ่าในอิรักที่ฮึดสู้กลุ่มติดอาวุธมุสลิมหัวรุนแรงกลุ่มนี้ไปแล้วกว่า 200 คน
แม้ว่า ผู้เห็นเหตุการณ์ได้ระบุช่วงเวลาที่กลุ่มชนเผ่ามุสลิมสุหนี่ “อัลบูนิมร์” ถูกสังหารตามพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดอันบาร์
อิรักแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดระบุตรงกันว่า สมาชิกชนเผ่าเหล่านี้ถูกกลุ่มไอเอสปลิดชีพในช่วง 10 วันที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ชาบัน อัล-โอไบดี กล่าวกับเอเอฟพีว่า มีคนถูกฆ่าไปกว่า 200 คน ขณะที่ ฟาเลห์ อัล-เอสซาวี รองประธาน
สภาจังหวัดอันบาร์ ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตมี 258 คน
เอสซาวีกล่าวว่า เหยื่อผู้เสียชีวิต “ทั้งหมดซึ่งเป็นคนเผ่าอัลบูนิมร์ และมีผู้หญิงและเด็กรวมอยู่ด้วย” ถูกฆ่า “ในช่วง
สามวันที่ผ่านมา”
เขาระบุเพิ่มเติมว่า กลุ่มนักรบไอเอสตั้งเป้าสังหาร “ใครก็ตามที่บัตรประชาชนระบุว่ามีนามสกุล นิมราวี”
โดยเป็นการระบุถึงนามสกุลของชนเผ่านี้
ชัยคห์ นาอิม อัล-คูอุด อัล-นิมราวี ซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าอัลบูนิมร์กล่าวว่า มีสมาชิกในเผ่าถูกสังหารไป 381 คน “นับตั้งแต่
วันที่ 24 เดือนที่แล้วจวบจนวันนี้”
ไอเอส ได้บุกยึดพื้นที่อันกว้างใหญ่ในจังหวัดอันบาร์ และมีแนวโน้มว่าจะใช้วิธีสังหารเพื่อทำลายขวัญกำลังใจของ
กลุ่มชาติพันธุ์ที่ทรงอิทธิพลในท้องถิ่น และแข็งขืนลุกขึ้นสู้กับรัฐอิสลาม เนื่องจากชนเผ่าเหล่านี้จะกลายเป็น
กำลังสำคัญในการยืดคืนจังหวัดอันบาร์
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังฝ่ายรัฐบาลอิรักได้ประสบความล้มเหลวหลายครั้งหลายคราในจังหวัดอันบาร์
จนกระตุ้นให้เกิดความกังวลว่า จังหวัดอันบาร์ที่ยาวจรดพรมแดนจอร์แดน กับซาอุดีอาระเบีย และอยู่ติดกับฝั่งตะวันตก
ของกรุงแบกแดด อาจตกเป็นของกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มนี้โดยสมบูรณ์
แม้ว่ากลุ่มเอสยังไม่ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุสังหารหมู่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ได้เข่นฆ่าชาวบ้านในพื้นที่
ซึ่งถูกยึดครอง ทั้งในอิรักและซีเรียไปแล้วหลายร้อยคน
องค์การสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์” (เอชอาร์ดับเบิลยู) ชี้ว่า มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่า นับตั้งแต่เมื่อต้นปี
กลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ได้สังหารเหยื่อไปแล้วตั้งแต่ 560 ถึง 770 คน โดยส่วนใหญ่เป็นทหารที่ถูกจับตัวไป
นอกจากนี้ องค์การเฝ้าระวัง “ซีเรียน ออบเซอร์วาทอรี ฟอร์ ฮิวแมน ไรต์ส” ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอนระบุว่า
ไอเอสได้เข่นฆ่าสมาชิกชนเผ่าในซีเรียที่ลุกขึ้นสู้กับกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มนี้ไปแล้วหลายร้อยชีวิต
ที่มา
ผู้จัดการ