นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานแถลงการดำเนินการสอบข้อเท็จจริงกรณีสื่อนำเสนอคลิปการสนทนาทางไลน์ที่มีการเชื่อมโยงกับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงแรม จัดเมื่อบ่ายวันจันทร์ที่ 23 เม.ย.61 ที่ห้องหว้ากอ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนในพื้นที่เข้ารับฟังรายละเอียดในข้อเท็จจริงและสอบถามด้วยความสนใจ
นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดการแถลงว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ให้ความสำคัญต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เป็นการทุจริตและประพฤติมิชอบ ถ้าพบสิ่งไม่ถูกต้องชอบธรรมให้แจ้งได้โดยตรงกับทางราชการ ซึ่งจังหวัดยืนยันในจุดยืนที่จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงไปตรงมาและใช้พยานหลักฐานจากข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ชัดเจน และเชื่อถือได้
นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร์ ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แถลงว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกรณีที่มีการโพสท์ข้อความ จากกรณีคลิปการสนทนาถูกนำออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยคณะกรรมการมีการตั้งประเด็นในการตรวจสอบไลน์ว่าเป็นการสนทนาจากของโทรศัพท์หมายเลขที่เปิดเผยจริงหรือไม่ และตรวจสอบใบอนุญาตให้เปิดบริการโรงแรมถูกต้องหรือไม่ และตรงกับสารระบบของเจ้าพนักงานโรงแรม โดยที่ทำการปกครองจังหวัดและที่ทำการปกครองอำเภอตรงกันหรือไม่ มีการตรวจข้อสังเกตและพิรุธจากบุคคลที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้องให้ครบทุกด้าน ทั้งที่ยังรับราชการหรือพ้นจากหน้าที่ราชการไปแล้วก็ตาม เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ตรงตามข้อเท็จจริงและเชื่อถือได้ โดยได้มีการสอบข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ พร้อมกับการสอบสวนข้อเท็จจริงที่คู่ขนานกับคณะกรรมการที่กรมการปกครองแต่งตั้งขึ้นมา หลังจากนี้ จะได้เหตุผลที่สามารถนำไปสรุปสำนวนเสนอข้อเท็จจริงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ต่อไป
ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังได้แถลงเพิ่มเติมว่า หากพบการทุจริตจะให้นายอำเภอท้องที่เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยใช้อำนาจทางปกครอง ซึ่งสำนวนสอบสวนจะเสร็จสิ้นและสามารถสรุปรายงานได้ในวันศุกร์ที่ 27 เม.ย.61 ซึ่งยืนยันว่าผลการสอบสวนที่ออกมาจะมีเอกภาพที่เป็นข้อเท็จจริงที่มีหลักฐานยืนยันเชื่อถือได้แน่นอน และยังมีคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทั้งของกระทรวงมหาดไทย ของกรมการปกครอง และขององค์กรภาคประชาสังคม สอบสวนในทางคู่ขนานกันไปด้วย ซึ่งการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงมีความคืบหน้ามากพอสมควร และจะสามารถดำเนินงานตามกระบวนงานได้ตามเป้าหมาย อีกทั้ง หากเป็นความผิดตามกฎหมาย จะสามารถติดตามตัวผู้กระทำการมารับโทษตามกฎหมายได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น หากผู้ประกอบการโรงแรมรายใดเป็นผู้เสียหาย ให้ร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าพนักงาน หากเป็นผู้เสียหายและไม่ได้กระทำการทุจริตแต่มีความเกี่ยวข้องให้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนต่อไป
ทั้งนี้ จากที่ปรากฎว่ามีโรงแรมเกือบ 10 แห่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับใบอนุญาตที่ออกมาโดยมิชอบ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่หากพบว่ากรณีการสอบข้อเท็จจริงออกมาแล้วเป็นเหตุเสื่อมเสีย จะขออำนาจจากผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพื่อมอบอำนาจให้ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้กระทำการต่อไป
ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังได้กล่าวในท้ายของการแถลงข่าวว่า ขอทำหน้าที่ด้วยศักดิ์ศรีของนักปกครอง จึงขอให้ผู้สนใจติดตามผลที่จะสรุปได้ในวันที่ 27 เม.ย.61 และจะแถลงผลการดำเนินงานให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป ทั้งนี้ หากประชาชนสงสัยว่าโรงแรมที่จะใช้บริการมีใบอนุญาตที่ออกมาอย่างถูกต้องโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ได้ทางโทรศัพท์หมายเลข 032602353 ในวันและเวลาราชการ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประธานแถลงข่าว แถลงปิดท้ายว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะค้นหาข้อเท็จจริง หากผิกกฎหมายจะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงแก่คณะกรรมการต่อไปด้วย ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายในวันศุกร์ที่ 27 เม.ย.61 ต่อไป
ภาพข่าว/รายงาน นายประสาทพร ห้องแซง (ไก่โต้ง) ศูนย์ข่าว ๕ เหล่าทัพ จ. มุกดาหาร