นายวัชระ เพชรทอง อดีตสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปปัตย์ กล่าวว่า การทุจริตเงินคนจนที่จังหวัดขอนแก่น ของ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในปีงบประมาณ 2559ถึง 2560 รวมถึง 2561 ด้วย ที่ พม.1.2พันล้านบาท ในปี 2559-2560 โดยเรียกร้องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)ให้ตรวจสอบการทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่งไปจนถึงปีงบประมาน2561 ด้วย และเรียกร้อง ความเป็นธรรม ต่อนายกรัฐมนตรี ให้ดูแลข้าราชการที่ไม่ทุจริต คือ นางนิตตยา ขาวสุด และนางลักษณา นนท์คำจันทร์ ที่ถูกกลั่นแกล้งให้โยกย้ายไปรับราชการที่ไกลจากจังหวัดของตนเอง ให้กลับมารับราชการที่จังหวัดขอนแก่นดังเดิม
พร้อมกันนี้ นายวัชระ กล่าวถึงการยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีได้ตรวจสอบการทุจริตที่ส่อว่าจะทุจริตของนางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการภายในสัปดาห์นี้ด้วย
นายวัชระ เพชรทอง อดีตสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปปัตย์ กล่าวว่า การทุจริตการจัดซื้อรถเมย์NGV 489 คัน ในงบประมาน2560 ที่กระทรวงคมนาคม ในวงเงิน4261ล้านบาท นายวัชระ ได้มีการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการทุจริต โดยอ้างว่ามีมติจากผู้บริหารขสมก.ซึ่งมติดังกล่าวเป็นมติเท็จ ซึ่งผู้บริหารขสมก.ไม่ได้มีมติ ให้จัดซื้อรถเมย์ 489คัน แต่ประการใด แต่ไม่ได้มีการตรวจสอบและระงับยับยั้งจากนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ศาลปกครองมีคำสั่งออกมาวก่อนการพิพากษาว่าผลการประชุมของผู้บริหาร ขสมก.เป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ให้มีการดำเนินการใดๆ แต่ได้มีการเซ็นสัญญาและมีความเสียหาย
พร้อมกันนี้ นายวัชระ ได้ตั้งคำถามว่า กรณีนี้รัฐเป็นฝ่ายเสียหายนายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร ซึ่งหากนำมาตรา44มาใช้ในกรณีนี้ส่วนตัวไม่เห็นด้วยเพราะศาลปกครองได้มีคำสั่งและส่วนตัวก็ได้ยื่นหนังสือล่วงหน้าไปแล้วว่ามีการทุจริต แต่ไม่มีการระงับหรือยับยั้งการจัดซื้อแต่อย่างใด
นายวัชระ เพชรทอง อดีตสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปปัตย์ กล่าวถึง เรื่องทุจริตการก่อสร้าง อาคาร&รัฐสภาใหม่ ภายใต้ความรับผิดชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ซึ่งมีการทุจริตในการก่อสร้าง หลายประเด็น คือ ทุจริตที่ดินที่ขุดได้ การทุจริตการขยายเวลาจาก900วันเป็น2382วัน มากกว่าระยะเวลาการก่อสร้างเดิม และส่อทุจริตติดตั้งICTใหม่จาก3000ล้านบาทเป็น8000ล้านบาท ซึ่ง จะสนช.ได้มีการเสนอเพื่อขออนุมัติจำนวนเงิน 8648ล้านบาท แก่คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่13 มีนาคม แต่ก่อนวันที่13มีนาคม ส่วนตัวได้มีการแถลงข่าวว่าไม่ควรอนุมัติงบประมานดังกล่าว และเมื่อวันที่13มีนาคมก็ไม่ได้มีการเสนอเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่มีหนังสือจากรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหารว่าให้สำนักงบประมานพิจารณาในรายละเอียดความเหมาะสมอย่างคุ้มค่าและไม่ให้เกิดปัญหา
พร้อมกันนี้นายวัชระ เปิดเผยว่าหากตนไม่ออกมาแถลงข่าวเรื่องการทุจริตก็คงมีการอนุมัติเงินจำนวนดังกล่าวไปแล้ว เพราะปัจจุบันไม่มีฝ่ายตรวจสอบการทุจริตในสนช.และในรัฐบาลนี้เลยเพราะเงินทุกบาทคือเงินภาษีของประชาชน
///////////
ภาพ/ข่าว
ธีรพล ปลื้มถนอม (ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ๕ เหล่าทัพ) รายงาน