ตามนโยบายของรัฐบาลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน หรือกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมากและ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เป็น ผอ ศูนย์ และให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ควบคุมร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินร่วมปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ สํานักงานตํารวจแห่งชาติร่วมกับธนาคารกสิกรไทยธนาคารไทยพาณิชย์ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารกรุงเทพ ได้ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกหลอกลวงและโอนไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายแล้วระงับไม่ให้สามารถถอนเงินออกไปและได้นำเงินคืนให้กับผู้เสียหาย จำนวน 5 ราย รวมเป็นเงินจำนวน 835,420.86 บาท
1 ผู้เสียหายในคดีของสภ. เมืองฉะเชิงเทรา ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงินจำนวน 50000 บาท เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายไว้ได้ทั้งหมด
2 ผู้เสียหายในคดีของสภเมืองสุพรรณบุรีถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงินจำนวน 10,200.13 บาท เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายไว้ได้ทั้งหมด
3 ผู้เสียหายในคดีของสน.ประชาชื่น ถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงินจำนวน 301,600 บาท เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายไว้ได้จำนวน 175,220.73 บาท
4 ผู้เสียหายในคดีของ สน เตาปูน ถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงินจำนวน 349,930 บาท เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายไว้ได้จำนวน 50000 บาท
5 ผู้เสียหายในคดีของสน.เพชรเกษม ถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปยังบัญชีของคนร้ายรวมเป็นเงิน จำนวน 2,170,000 บาท เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายไวได้จำนวน 550,000 บาท
สรุปจากการอายัดเงินของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์สามารถอายัดเงินคืนให้แก่ผู้เสียหายได ้จำนวน 92 รายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 17,199,255.68 บาท
จิ๋ว New Police รายงาน