เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสุรินทร์ โดยช่วงเช้า เวลา 08.30 น. เยี่ยมชมโครงการพัฒนาและฟื้นฟูเหมืองหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างและการท่องเที่ยว บริเวณเชิงเขาพนมสวาย ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ โดยมี นายอรรถพร สิงหวิชัย ผวจ.สุรินทร์ ส่วนราชการ, ผู้นำชุมชน และภาคเอกชนจังหวัดสุรินทร์ ร่วมให้การต้อนรับ
ด้าน นายประยุทธ เขียวหวาน ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.สุรินทร์ กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ ได้ริเริ่มโครงการ เนื่องจากในพื้นที่เชิงเขาพนมสวาย ตำบลนาบัว อำเภอเมือง ตำบลไพล อำเภอปราสาท มีการทำเหมืองหินอย่างต่อเนื่อง ทั้งเหมืองหินเดิมและกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งทำให้เกิดบ่อจากการทำเหมืองซึ่งมีความลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร จำนวน 10 บ่อ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 861 ไร่ สภาพปัจจุบันทิ้งร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ มีน้ำขังประมาณ 27.5 ล้านลูกบาศก์เมตร การใช้ประโยชน์ประชาชนสามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้อุปโภค บริโภคและการเกษตร ได้ในฤดูแล้ง แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำจำนวนมาก จึงได้มีแนวคิดที่จะฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีสภาพไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการขออนุญาตประทานบัตรใหม่ครอบคลุมพื้นที่เหมืองหินเก่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ในพื้นที่ประมาณ 861 ไร่ และขออนุญาตรวมพื้นที่ประทานบัตรที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ตามมาตรา 60 แห่ง พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2560
ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนหิน การบริหารจัดการพื้นที่ชลประทานในพื้นที่รัศมี 10 กิโลเมตร การคมนาคมขนส่งและพัฒนาไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำ ด้านกีฬา และนันทนาการตลอดจนมีการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ เกิดเมืองใหม่รองรับเชื่อมโยงเครือข่ายท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์ต่อไป
จากนั้น คณะของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปด่านศุลกากรช่องจอม และจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปการเสนอโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรช่องจอมและด่านพรมแดนช่องจอม จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ โดยพ่อค้าแม่ค้าไทย-กัมพูชาให้การต้อนรับ พร้อมด้วย นายพรชัย มุ่งเจริญพร กรรมการสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชา และอดีต สปช. จ.สุรินทร์ ที่เป็นตัวแทนยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรี เพื่อเสนอให้ ครม. ลงมติ ให้ช่องจอมเป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ
ทั้งนี้ ด่านถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ บ้านโอร์เสม็ด อำเภอสำโรง จังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา โดยปัจจุบันด่านศุลกากรช่องจอมและด่านพรมแดนช่องจอม ที่ตั้งทำการของด่านอยู่ในแหล่งชุมชนและแยกที่ทำการออกจากกัน จึงยากต่อการควบคุมทางศุลกากร อีกทั้งขาดการสนับสนุนด้านระบบเทคโนโลยี ระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่จำเป็น ต่อการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เพื่อรองรับการค้าชายแดนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น จังหวัดสุรินทร์ จึงได้เสนอโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรช่องจอมและด่านพรมแดนช่องจอมแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพการค้าชายแดนในการพัฒนาด่านศุลกากรให้มีความพร้อมเป็นมาตรฐาน สามารถอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน การดำเนินการพิธีการศุลกากรแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว เพื่อเชื่อมโยงการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการบริหารจัดการด้านระบบขนส่ง รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดประเทศเพื่อนบ้าน การส่งออกเครื่องจักร อุปกรณ์หรือปัจจัยการผลิตต่างๆ เพื่อการผลิตสินค้าในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายเติบโตยิ่งขึ้น
โครงการดังกล่าว ได้เสนออนุมัติให้กรมศุลกากรเข้าครอบครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินอันเป็นที่ดินสงวนของกรมทางหลวงไว้ใช้ประโยชน์ในทางราชการ เนื้อที่กว่า 84 ไร่ โดยจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 251 ล้านบาท ซึ่งหากโครงการแล้วเสร็จ คาดว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและบริการเพิ่มสูงขึ้น
ขอบคุณภาพ/ข่าว
ณัฐพัชร์ บุญมี ผู้สื่อข่าวจ.สุรินทร์