เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2561 พ.ต.ท.สายชล ปัญจชัย รอง ผกก.สส.สน.สำเหร่ พ.ต.ท.ทศพล โชติคุตร์ รอง ผกก.ป.สน.บางมด พร้อมผู้แทนกลุ่มผู้สื่อข่าวฝั่งธนบุรี นำรถวีลแชร์ตามโครงการช่วยเหลือผู้ป่วย คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส คันที่ 34 ในรอบ 5 เดือน ไปมอบให้ นายบุญเลี้ยง ยอดสัจจานันท์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1363 ชุมชนวัดบางสะแกนอก ถนนเทอดไทย ซอย 33 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม. ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคไขมันอุดตันจนเส้นเลือดแตกในสมอง ส่งผลให้ร่างกายซีกขวาใช้การไม่ได้ทั้งแถบ โดยทางญาติๆ ได้มีการนิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 2 รูป มาสวดรับขวัญให้ผู้ป่วยที่บ้านพักหลังกลับจากนอนรักษาตัวที่สถาบันประสาทวิทยา มานานกว่า 1 เดือน
จากการสอบถาม นายบุญเลี้ยง ซึ่งพูดได้อย่างช้าๆ กล่าวว่า ตนมีอาชีพเป็นพนักงานชิฟปิ้ง ที่ผ่านมาแม้อายุ 60 ปีแล้ว แต่ไม่เคยละทิ้งการออกกำลังกาย โดยที่ผ่านมาเดินเท้าจากบ้านพักไปเตะฟุตบอล เตะตะกร้อ และวิ่งจ๊อกกิ้ง กับเพื่อนๆ ที่สวนสาธารณะใกล้บ้านเป็นประจำทุกวัน ทำต่อเนื่องกันมาหลายปี ทว่าตนประมาทไม่เคยตรวจร่างกาย และไม่คิดควบคุมอาหารเพราะเข้าใจไปเองว่า ออกกำลังทุกวันร่างกายน่าจะแข็งแรงไม่เป็นอะไร กระทั่งวันที่ 13 ธ.ค.59 ตนก็เดินเท้าไปร่วมเตะตะกร้อกับเพื่อนๆ ตามปกติ จู่ๆ ก็เกิดอาการวูบล้มลงกับพื้นแบบไม่ทราบสาเหตุ และรู้สึกปวดหัว ร่างกายกระดุกกระดิกไม่ได้ เพื่อนๆ ต้องพาตนส่ง รพ.รัชดาท่าพระ ก่อนย้ายไป รพ.พญาไท 3 และไปนอนพักรักษาตัวอยู่ที่สถาบันประสาทวิทยา ถนนราชเทวี จนถึงวันนี้เพิ่งกลับมาบ้านพัก
นายบุญเลี้ยง บอกอีกว่า แพทย์บอกตนเป็นไขมันอุดตันในเส้นเลือด วันที่เกิดอาการกำเริบเป็นช่วงความดันขึ้นสูง ทำให้มีเลือดออกในสมอง โชคดีที่ตอนเกิดเหตุมีเพื่อนๆ อยู่ด้วยจำนวนมาก เลยช่วยกันหามส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นตนอาจเสียชีวิตหรือพิการ นอนเป็นเจ้าชายนิทราติดเตียงไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย อย่างไรก็ตามหากย้อนเวลาไปได้ตนจะเข้ารับการตรวจสุขภาพร่างกาย ควบคู่กับการออกกำลัง และควบคุมอาหารไปด้วย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยคิดไปพบหรือปรึกษาแพทย์ ทำให้ตอนนี้ทำงานไม่ได้ภาระต้องตกไปอยู่ที่ภรรยาซึ่งเป็นลูกจ้างร้านขายเสื้อผ้าเพียงลำพัง หนำซ้ำภรรยาและลูกๆ อีก 2 คน ยังต้องช่วยตนทำกายภาพบำบัดทุกวัน เพื่อหวังให้ร่างกายกลับมาทำงานได้ทุกส่วนตามเดิม
ด้าน พ.ต.ท.สายชล กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ทุกคนรู้จักรักและดูแลตัวเอง โดยทุกท่านควรตรวจสอบสภาพร่างกายให้ถี่ถ้วน อย่าคิดแค่เพียงว่าออกกำลังกายเป็นประจำ หรือไม่มีอาการผิดปกติบ่งชี้ว่าป่วย แล้วจะห่างโรคภัยไปได้เสมอ ดังนั้นหากมีโอกาส นอกจากการแบ่งเวลาออกกำลังกาย ควบคุมอาหารทานแต่สิ่งที่มีประโยชน์แล้ว ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพปรึกษาแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อวางแผนดูแลตัวเองให้แข็งแรงอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
/////////////////////////////////////////////////////////
ขอบบคุณภาพ/ข่าว
> cr.ป๋าหรั่ง/ฝั่งธน ( นสพ.พิมพ์ไทย )
> ธีรพล ปลื้มถนอม ( ผู้สื่อข่าว นสพ.๕.เหล่าทัพ ) รายงาน