วันที่ 8 ม.ค. 2561 นางสาวอุทุมพร เชื่องวงศ์ อายุ 34 ปี บ้านเลขทะเบียน 98 หมู่ 1 ต.แสลงพัน อ.วังม่วง จ.สระบุรี ผู้จัดการร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาข้างสำนักงานเทศบาล ต.วังม่วง อ.วังม่วง จ.สระบุรี ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.อาคม กรเกษแก้ว ร้อยเวรสอบสวน สภ.วังม่วง จ.สระบุรี ว่า เมื่อช่วงบ่ายขณะที่ตนเอง, นางสาวสมฤทัย แทนขุดทด และพนักงานคนอื่นๆ กำลังให้บริการลูกค้าอยู่ที่เคาร์เตอร์รับชำระเงินภายในร้าน ได้มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างผอมสูงสวมเสื้อแขนยาวลักษณะคล้ายเสื้อสูตรสีดำหรือน้ำเงิน ทับเสื้อยึดสีดำด้านใน สวมกางเกงยีนส์ขายาว ใช้ผ้าโพกศีรษะและผ้าคลุมใบหน้า
โดยคนร้ายใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้บังคับตนเองกับเพื่อนให้ส่งเงินสดให้ ด้วยความกลัวจึงส่งเงินสดจำนวน 520 บาทให้แก่คนร้าย จากนั้นคนร้ายได้วิ่งออกจากร้านไปขับขี่รถจักรยานยนต์สีน้ำเงินที่จอดไว้ขับขี่หลบหนี เข้าไปในซอยข้างสำนักงานเทศบาลตำบลวังม่วง เจ้าหน้าที่จึงได้รุดไปยังที่เกิดเหตุ ณ ร้านสะดวกซื้อ พบ นางสาวอุทุพร ยื่นรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ โดยให้การดังข้างต้น เจ้าหนาที่ตำรวจได้ขอดูกล้องวงจรปิดภายในร้าน ปรากฏว่า ชายดังกล่าวขับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีน้ำเงิน ทะเบียน ขจง 28 สระบุรี ขับขี่ผ่านไปยังเส้นถนนหลังเทศบาล เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจสอบและสกัดจับ
จนเมื่อเวลา 17.00 น. อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ 3 กิโลเมตร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถจักรยานยนต์คันสีน้ำเงินคันดังกล่าว จอดอยู่ในป่าอ้อย จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบ และนอกเครื่องแบบ ออกล่าตามหาตัวจนพบในป่าอ้อย ทราบชื่อ นายอำพล กลิ่พุทธา อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ในทะเบียนบ้าน 171 / 3 ถนนพหลโญธิน แขวงสนามบินน้ำ เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร จึงนำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำที่ สภ.วังม่วง ปรากฏว่า ผู้ต้องหาให้การยอมรับว่า ตนเองได้ใช้อาวุธเข้าไปชิงทรัพย์ที่ห้างสะดวกซื้อจริง โดยได้ใช้มีดที่พกติดตัวไปใช้เป็นอาวุธในการชิงทรัพย์ ได้เงินมา 520 บาท จากนั้นได้ขี่รถจักรยายนต์คันดังกล่าวหลบหนี แต่เกิดพลาด รถจักรยานล้มตนเองได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถที่จะหนีได้ จึงจนมุมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนมีดที่ใช้เป็นอาวุธในการชิงทรัพย์ ตนเองได้โยทิ้งในป่าอ้อย จากการสอบถา พันตำรวจเอกพิศนุ วิทยาภรณ์ ผู้กำกับสภ.วังม่วง จากเหตุการณ์ จากการค้นประวัติ เคยดนจับกุมในคดีครอบครองยาเสพมาแล้ว สำหรับเหตุการณ์นับว่า ทางร้านสะดวกซื้อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กำหนดร้านประเภทต้องติดสัญญาณ หรือเครื่องเกิดเหตุฉุกเฉิน แล้วต่อตรงไปยังโรงพักเมื่อเกิดร้าย จึงเป็นผลดีในการแจ้งเหตุเพื่อเจ้าหน้าทีตำรวจจะได้เดินมายังที่เกิดเหตุอย่างทันท่วงที่
ภาพข่าวดำรงค์ชื่นจินดารายงาน