สุดสลดลี้ภัยอิรักติดคาหุบเขาดับเกลื่อน หิวตายไร้ข้าว-น้ำ หมากินซากศพ
เว็บไซต์เทเลกราฟรายงานเมื่อ 10 ส.ค. ถึงสถานการณ์ในอิรักว่า ชนกลุ่มน้อยยาซิดี คริสต์ศาสนิกชนชาวอิรัก
ที่อพยพหนีตายจากการบุกยึดเมืองคาราคอช กว่า 150,000 คนยังติดค้างอยู่ในเขตหุบเขาเมืองซินจาร์
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยหลายพันคนส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้สูงวัยต้องสังเวยชีวิตให้กับ
ความหิวโหย แม้กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาจะยิงถล่มกองกำลังรัฐอิสลามแห่งอิรัก (ไอเอส) กลุ่มนักรบ
นิกายสุหนี่สายสุดโต่งอย่างต่อเนื่อง ตามประกาศช่วยเหลือของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ
ตั้งแต่สัปดาห์ก่อนก็ตาม
นายโจนาธาน โครห์น ผู้สื่อข่าวเทเลกราฟซึ่งเป็นนักข่าวชาติตะวันตกคนแรกที่เดินทางถึงพื้นที่หลบภัยของ
ชาวยาซิดี ระบุเห็นผู้ลี้ภัยหลายร้อยคนวิ่งตามเฮลิคอปเตอร์ช่วยเหลือของกองทัพอิรักซึ่งลำเลียงน้ำดื่ม
และอาหารมาให้ โดยพล.อ.ท.อาเหม็ด อิธวานี หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการกล่าวว่า หุบเขาแห่งนี้เป็นเมือง
แห่งความตายไปแล้ว เพราะกว่าร้อยละ 70 ของชาวยาซิดีเสียชีวิตจากภาวะอดอาหาร-น้ำ และอยู่ใน
สภาพอากาศร้อนจัดถึง 50 องศาเซลเซียสมานานหลายวัน
ทั้งนี้ แม้กองทัพสหรัฐจะลำเลียงน้ำดื่มกว่า 26,497 ลิตร และอาหารอีกกว่า 36,000 กล่อง เช่นเดียวกับ
เครื่องบินซี-130 จำนวน 2 ลำของกองทัพอังกฤษที่นำน้ำดื่ม เต็นท์นอน และของใช้จำเป็นมามอบให้
ชาวยาซิดี แต่เพราะหย่อนลงสู่พื้นดินที่ความสูงกว่า 15,000 ฟุต หรือราว 4,572 เมตร โดยไม่มีร่มชูชีพ
น้ำและอาหารจึงตกกระจายเกลื่อน ไม่สามารถนำไปบริโภคได้ ส่วนความพยายามในการขนย้ายชาว
ยาซิดีออกจากหุบเขาก็ไม่ทันการ เนื่องจากสามารถลำเลียงผู้โดยสารได้เพียง 12 คนต่อเที่ยวเท่านั้น
ขณะที่นายฮาจิ เคห์เดฟ เฮย์เดฟ หนึ่งในชาวยาซิดีไม่กี่ร้อยคนที่โดยสารเฮลิคอปเตอร์ออกมาได้
เปิดเผยว่า ยอมเสี่ยงชีวิตหนีออกมาจากหุบเขา เพราะเป็นที่ปิดตายไม่มีทางรอด และฝูงสุนัขจรจัดเริ่ม
กัดกินซากศพของผู้ที่เสียชีวิตแล้ว
ด้านนายอีมัด อีโด กล่าวว่า จำใจต้องทิ้งหลานสาววัยเด็กไว้ที่หุบเขา หลังดูอาการแล้วคาดว่า
ไม่น่าจะมีชีวิตรอด