ไนจีเรีย ยกระดับอีโบลาระบาด เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินของชาติ!!
“ประธานาธิบดีไนจีเรีย” ประกาศยกระดับสถานการณ์ไวรัส “อีโบลา” ระบาด เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินของชาติ
หลังไวรัสมรณะคร่าชีวิตแล้ว 2 ราย อีกทั้งยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ขณะที่ WHO รายงานเหยื่ออีโบลาพุ่งเป็น
961 ศพ ภายใน 2 วัน ติดเชื้อเพิ่ม 68 ราย
เมื่อ 9 ส.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าวิกฤตการณ์ “อีโบลา” ระบาดหนักในแอฟริกาตะวันตก
ว่า ประธานาธิบดีกู๊ดลัก โจนาธาน แห่งไนจีเรีย ได้ประกาศยกระดับสถานการณ์อีโบลาระบาดในประเทศ
ไนจีเรียเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินของชาติแล้ว พร้อมทั้งอนุมัติเงินงบประมาณ 11 ล้านดอลลาร์ หรือราว
352 ล้านบาท ในการควบคุมการระบาดของอีโบลา
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลไนจีเรียดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศ
เตือนภัยอีโบลาที่กำลังระบาดหนักในแอฟริกาตะวันตก เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่าง
ประเทศแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8 ส.ค.) หลังจากคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก ได้ร่วม
ประชุมฉุกเฉินเป็นเวลา 2 วัน ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีข้อสรุปว่า ขณะนี้วิกฤติอีโบลา
ระบาดเลวร้ายลง และชาวโลกเสี่ยงจะติดเชื้อมรณะ
ประเทศไนจีเรีย กลายเป็นประเทศที่ 4 ในแอฟริกาตะวันตก ที่พบการระบาด นอกเหนือจากประเทศกินี,
เซียร์ราลีโอน ซึ่งเป็น 3 ประเทศที่เชื้ออีโบลากำลังแพร่ระบาดอย่างรุนแรง โดยมีชาวไลบีเรียเชื้อสายอมริกัน
เสียชีวิต 1 ราย หลังเดินทางจากไลบีเรีย มายังกรุงลากอส เมืองหลวงไนจีเรีย เมื่อ 20 ก.ค. จากนั้นได้มี
ชาวไนจีเรียติดเชื้ออีโบลาจากชายผู้นี้ 8 ราย และต่อมาทำให้พยาบาลหญิงชาวไนจีเรียต้องเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา
ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรตติดต่อของสหรัฐฯ (CDC) ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่พิเศษเดินทางไปช่วยสนับสนุน
เจ้าหน้าที่ไนจีเรีย ควบคุมการระบาดของอีโบลา ก่อนที่การระบาดจะลุกลามไปมากกว่านี้
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 8 ส.ค.ว่า มีผู้เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลาแล้ว 961 ราย จากจำนวน
ผู้ติดเชื้อ 1,779 ราย โดยภายในช่วง 2 วันของสัปดาห์นี้ พบผู้ติดเชิ้อรายใหม่เพิ่มถึง 68 ราย และในจำนวนนี้
เสียชีวิต 29 ราย