เตรียมประกาศการจัดงานอีเว้นท์ญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแถบเอเชียอีกครั้ง สำหรับ Japan Expo Thailand2018 จัดโดยบริษัท จียู ครีเอทีฟ จำกัด โดยผู้บริหารคนแก่ง คุณยุพเรศ เอกธุระประคัลภ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท จี-ยู ครีเอทีฟ จำกัด (G-Yu Creative) Japan Expo Thailand 2018 นับเป็นงานญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่สุดอลังการ แถวหน้าระดับเอเชีย ที่รวบรวมเสน่ห์อันหลากหลายของความเป็นญี่ปุ่นมาไว้ในงานเดียว พร้อมโชว์ศักยภาพในการนำเอกลักษณ์แท้ๆ ในด้านต่างๆ จากญี่ปุ่นมาร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมทั้งทัพศิลปินไอดอลระดับแถวหน้าที่จะมาโชว์ในงานนี้โดยเฉพาะ ระหว่างวันศุกร์ที่ 26 – อาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2561 และเตรียมเนรมิต 13 โซนหลัก ทั้งลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์และด้านในห้าง จัดเต็มสุดอลังการ!!! คาดว่าจะมีผู้ชมเข้าร่วมงานกว่า 6 แสนราย นับเป็นงานใหญ่ที่มีความหลากหลาย ทั้งความบันเทิงจากศิลปินญี่ปุ่น การ์ตูน แอนนิเมชั่น ศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร แฟชั่น บันเทิง การท่องเที่ยว และการศึกษา
เรามีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับ คุณยุพเรศ เอกธุระประคัลภ์ หรือ คุณเกิร์ล บอกเล่าถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดงานครั้งนี้
@งานในปีนี้จะมีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมาอย่างไร
“สำหรับงานjapan expo ในทุกๆ ปี สิ่งที่เราค่อนข้างจะภาคภูมิใจมากก็คือจำนวนคนที่เข้ามาร่วมงานในแต่ละปีจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นตลอด โดยงานนี้ไม่ใช่มีแต่รูปแบบความบันเทิงอย่างเดียว แต่เรายังสามารถดึงเม็ดเงินเข้ามาในประเทศมูลค่าหลายร้อยล้านบาท โดยมาจากเราทำฟีดแบ็คให้กับร้านค้าที่มาออกงาน ซึ่งก็จะทำให้ร้านค้าทราบว่าเขาจำหน่ายอะไรได้เท่าไหร่
หลังจากนั้นก็จะมีการทำธุรกิจต่อยอดเขาจะได้คู่ค้าอะไรยังไงต่อบ้าง ซึ่งบางคนก็อาจขายเฟรนไชน์ของตัวเองเข้ามาในตลาดประเทศไทย บางคนอาจนำสินค้ามาขายในอนาคตได้ ทำให้มีพาร์ทเนอร์กันได้ เรียกว่าทุกๆ ปีในงานเราจะมีคอนเทนส์ที่หนาแน่นในทุกๆ โซน ก็ยอมรับว่ามันเป็นโจทย์ที่ไม่ง่าย และค่อนข้างหนักในทุกๆ ปีว่าเราจะเล่นอะไรต่อไปดีเพราะเราเล่นจัดเต็มเพิ่มทุกปี แต่ก็ดีใจที่เราสามารถมีเรื่องใหม่ๆ เข้ามาทุกปีนะ อย่างปีที่แล้วเรามีเรื่องท่องเที่ยว เรื่องของอาหาร เรื่องของศิลปะ วัฒนธรรม มีเรื่องของแฟชั่น มีเรื่องของการศึกษา
@มีคอนเท้นส์แตกต่างจากปีที่แล้วหรือเปล่า
ปีนี้คอนเทนส์แต่ละเรื่องเราก็จะมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาเติม อย่างเรื่องของบันเทิงที่เป็นเรื่องหลัก ทำให้คนสนใจ เราก็จะจัดออกมาเลย เริ่มจากอานิเมะ เราก็จะดึงสุดยอดที่ดังๆ คนรู้จักมา ซึ่งในปีนี้ก็จะมีคนที่ร้องเพลงคุริโกะ หรือพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย) ของญี่ปุ่นก็มาด้วย ซึ่งตอนเชิญไปร่วมงาน เจแปน เอ็กซ์โป ตอนไปจัดที่ประเทศมาเลเซียกระแสดีมาก แล้วก็มีสุดยอดของไอดอล ก็มาซึ่งที่ประกาศออกมาแล้วก็คือ คุณไมมิ ยาจิมะ อดีตหัวหน้าวง ℃-ute เกิร์ลกรุ๊ปลำดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น ที่มายากมาก
พอประกาศออกมาก็กรี๊ดกันทั้งประเทศ แล้วนี่ยังมีไม่ได้ประกาศอีกหลายสิบวงที่กำลังจะบินมา ซึ่งในเรื่องของบันเทิงเราจะสุดมาก แถมในปีนี้จะมีจัดมีทแอนด์กรี๊ดเสริมให้แน่นเข้าอีก ในเรื่องอาหารก็จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นเด็ดๆมาเยอะ อาทิ ร้านราเม็งที่คนต่อแถวเป็นชั่วโมงก็จะมา น้ำแข็งใสที่ทำจากสตอรบอรี่ที่ฮอกไกโด ก็มาซึ่งอันนี้ไทยซื้อเฟรนไชน์มาแล้ว แล้วก็มีเมลลอน มีนมจากญี่ปุ่น มีเนื้อ มีหอยจากญี่ปุ่น งานนี้เรื่องของกินจัดเต็มสุดๆ เพราะนำที่สุดของญี่ปุ่นมารวมไว้ในงานจริงๆ
ในปีนี้จะมีการดึง สุมิดะ แจ๊ส เฟสติวัล อิน แบงคอก มาด้วย ซึ่งโดยปกติแจ๊สจะไม่มีในงานเจแปน เอ็กโป แต่ปีนี้เราจะมีคนดังๆ ที่เล่นแจ๊สในญี่ปุ่นมาด้วย ซึ่งตอบรับมาแล้ว 5 วงโดยวางไว้ว่าปีนี้ด้านนอกจะเปิดงานเร็วขึ้น ซึ่งจะเปิดแสดงในวันศุกร์กันเลยโดยวงแจ๊สจะเริ่มแสดงตั้งแต่บ่ายสองโมงจนถึงค่ำ ซึ่งทางโน้นบอกว่าถ้าศิลปินไทยที่ชอบเพลงแจ๊สเหมือนกันจะมาร่วมแจมเขาก็ยินดีมาก เขาจะเล่นให้ดูกันสดๆ ดูฟรี!!! ไม่ต้องเสียสตางค์ พร้อมทานอาหารญี่ปุ่นๆ ไปด้วยชิวๆ มาก ถัดจากโซนอาหารมาก็จะมี อานิเมะ ซึ่งจะมี เท็กสึกะ คาเฟ่ มีเกมดังๆ ของญี่ปุ่น พวกกลองก็มีมาให้เล่นในงาน จากนั้นถัดไปก็จะมี โซนเวทีเจแปนเฟสต้า อิน แบงค็อก ซึ่งมีมาแล้ว 13 ปีถือว่ายาวนานที่สุดของการจัดงานญี่ปุ่นในไทย แต่ในระยะหลังๆ
@ความน่าสนใจของเวทีเจแปนเฟสต้า
เจแปน เอ็กโป ไทยแลนด์ ที่จัดเป็นปีที่ 4 โดยเวทีเจเปนเฟสต้า จัดขึ้นเป็นปีที่ 13 แล้วจะมีเวทีของเด็กๆ ที่ชอบพวกคอสเพย์ หรือพวกเจร็อค พวกคอพเวอร์แดนซ์ พวกเพลงอานิเมะ เป็นเวทีที่เราจัดขึ้นเพื่อให้เยาวชนที่จะสามารถแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วสานฝันออกมาเป็นรูปธรรมในอนาคตของตัวเอง นอกจากจะมีเวทีให้แล้วผู้ชนะยังจะมีโล่และเงินรางวัลให้ด้วย เป็นโซนที่เปิดบูธให้10 มหาวิทยาลัย หาเงินได้ก็เอาไปได้เลยจะขึ้นไปบนเวทีชิงรางวัลก็ได้ บอกได้เลยว่าเป็นเวทีที่เราตั้งใจเก็บไว้ให้กับเยาวชนจริงๆ ไม่เคยคิดตัด ฉะนั้นในปีหน้าก็ครบปีที่13 แล้ว ส่วนใครที่ชอบศิลปินตัวจริงเสียงจริงก็ต้องมาที่เวทีเจแปน เอ็กโป เวทีที่แสดงแจ๊สค่ะ
ในปีนี้ยังมีความพิเศษด้านหลังเวที เจแปน เอ็กโป เราจะปิดโซนทำมีทแอนด์กรี๊ด ใครที่ต้องการแบบเอ็กคูซีฟ อยากมีตแอนด์กรี๊ด ก็สามารถซื้อบัตรเข้ามาได้ ใครอยากจับมือ หรือพูดคุยกับศิลปินก็เต็มที่ได้เลย จากนั้นในปีนี้เรายังเปิดโค้งเลี้ยวขวาขนานกับบีทีเอส จะมีการเปิดอีกหนึ่งโซนเป็นเฟสติวัล มีเกมอะไรมากมายมาลง เรียกว่าด้านนอกทุกส่วนของเซ็นทรัลเวิร์ล เราใช้หมด
@แล้วโซนด้านไหนมีอะไรบ้าง
มาถึงด้านในตรงลิฟท์แก้วเราทำ Culture Zone เป็นเรื่องของวัฒนธรรม ในปีนี้ก็มีการโชว์ใส่ชุดกิมโมโน มีสตูดิโอมาจากญี่ปุ่น เพื่อให้คุณได้แต่งชุดกิมโมโน แล้วถ่ายมีถ่ายภาพเป็นเป็นที่ระลึกกลับไป แล้วมีการสอนการเล่นชามิเซ็ง เด็กมาเรียนได้ มีการเขียนพู่กันญี่ปุ่น และยังมี ฮานาโซโนะ แต่ครั้งนี้มาร่วมกับ อานิเมะ เรียวมะก็มาภาคใหม่
นอกจากนี้ยังมีการสอนทำมิวสิคบ๊อค กล่องดนตรี ซึ่งมันสามารถเอามาทำเป็นธุรกิจได้ บริษัทที่มาสอนต้องบอกว่าดังที่สุดในญี่ปุ่น แล้วก็มีโซน BtoB Zone เป็นโซนเปิดตัวสินค้าต่างๆที่ต้องการโปรโมท หรือต้องการเปิดตัวหาคู่ค้าผู้จำหน่ายในไทยก็จะมีโซนนี้เพิ่มขึ้นมา ส่วนโซน Travel ก็มีแพ็กเกจใหญ่จาก JTB ยังมีมาจำหน่ายบัตร นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททัวร์ในจังหวัดต่างๆ มาแนะนำจังหวัดของตัวเองด้วย ในส่วนของโรงหนังปีนี้ก็จะมีหนังญี่ปุ่นมาฉายในโรงหนังทั้งหมด แล้วในส่วนตรงเซ็น แกลอรี่ จะมีการจัดเป็นโซนการศึกษา มีโรงเรียน 30-40 แห่งทั้งสายโรงเรียนสอนภาษา มหาวิทยาลัย และโรงเรียนสายอาชีพบินตรงมาจากญี่ปุ่นเลย แล้วยังมีบริษัทจัดหางานในญี่ปุ่นมาด้วยใครที่อยากทำงานในบริษัทญี่ปุ่นก็เชิญมาโซนนี้ได้เลย โดยในงานนี้เราจะมีทุนการศึกษาให้กับเด็กหรือคนที่อยากไปเรียนและทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นอาทิ สายทันตแพทย์ สายทางด้านโมบาย ฯลฯ เราก็จะให้ทุนไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น เสร็จแล้วก็จะมีบริษัทญี่ปุ่นรองรับ จะมีทั้งหมด 10 กว่าทุน ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการทำแบบนี้ใครสนใจก็ต้องรอฟังกติกาอีกที ซึ่งอยู่ในระหว่างประชุมกันอยู่… แต่แจกแน่จะได้ไปกรกฎาคมปีหน้าค่ะ
@เห็นว่าด้านบนห้างก็จัดโซนไว้ด้วย
ต้องบอกว่าที่สุดของญี่ปุ่นก็คืองานนี้ ด้านบนคุณจะได้ทุน ได้ความรู้ ได้เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ ลงมาด้านล่าง ก็จะได้เรื่องของศิลปวัฒนธรรม ได้ไปท่องเที่ยว ได้ลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ ได้ฟังความบันเทิงจากทั้งศิลปินไอดอล และศิลปินเพลงแจ๊ส จะเป็น 3 วันที่รวมที่สุดของญี่ปุ่นมาอยู่ตรงนี้จริงๆ ที่สำคัญงานนี้เป็นงานฟรีอีเวนท์ มีคนถามว่าทำไมเราไม่เก็บเงินเพราะงานเจแปน เอ็กโปที่ฝรั่งเศส เก็บเงินได้หลายสิบล้านจากการเข้างาน แต่เราไม่กล้าทำแบบนั้น
เพราะเราเริ่มมาจากให้เด็กเข้าฟรี ทำฟรีเพื่อให้ทุกคนมาสนุกกัน พอมาถึงวันหนึ่งจะมาเก็บเงิน บอกตรงๆ ว่าทำไม่ได้ งานนี้จึงต้องใช้สปอนเซอร์ช่วย แต่ก่อนจะวิ่งคุยกับสปอนเซอร์เราก็ต้องใช้เวลาในการเตรียมคอนเท็คอยู่นาน การที่งานเกิดขึ้นมาได้ก็ต้องขอขอบคุณคนที่ช่วยให้งานนี้เกิดขึ้นมาได้จริงๆ เราเองก็พยายามทำดีที่สุด และดึงคนญี่ปุ่นมาออกงานนี้เกือบพันคนนี่ยังไม่รวมผู้ติดตามศิลปิน หรือแฟนๆ ที่บินตามมา นอกจากนี้ศิลปินบางคนเสร็จงานก็ยังอยู่ต่อ แบบจบงานก็พาเที่ยวไทยด้วย
@ดูแล้วงบในการจัดงานปีนี้คงจะสูงกว่าปีที่แล้วแน่
ใช่ค่ะ เป็นงานที่เราลงทุนเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปีนี้เราใช้งบจัดงานทั้งหมดประมาณ 50 ล้านบาท เนื้อที่ๆ ใช้จัดงานทั้งหมด 20,000 กว่าตารางเมตรทั้งห้างเลยค่ะ ฉะนั้นเงินที่เราลงทุนก็มาเลยต้องเอามาจากเหล่าสปอนเซอร์ ซึ่งเราต้องขอขอบคุณมากๆ ซึ่งสปอนเซอร์หลักก็คือบริษัท โออิชิ แล้วก็มีบริษัท, อีซูซุ , อีออน , JTB ,สายการบินไทย, ปตท
นอกจากนี้ยังมีฝั่งญี่ปุ่นที่บางจังหวัดอยากโปรโมท แล้วก็มีจากการขายบูธด้วย ก็รู้สึกดีใจที่เหล่าสปอนเซอร์เห็นว่างานนี้เป็นงานระดับประเทศที่ไม่อยากให้มันสูญหายไปจึงทำให้งานนี้เกิดขึ้นมาได้ อีกอย่างงานแบบนี้ถ้าใครบอกว่ามีเงินแล้วจัดได้ อยากได้ใครจ้างมาก็ต้องบอกว่าบอกคนไม่มาหลอก อย่าง PIKOTARO (พิโก ทาโร่) คิวแน่นถึงปีไหนแล้วไม่รู้ แต่ความที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีทำงานร่วมกันมาสิบกว่าปี เราอยากให้มาเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะเคลียร์คิวให้ เราก็รู้สึกว่าเรามีอาวุธหลายๆ จุดที่เราสามารถดึงออกมาใช้ในยามจำเป็นได้ เพราะเรามีมิตรภาพที่ดีกับญี่ปุ่นเยอะมาก
@เห็นว่ายังต้องคุยกับอีกหลายสปอนเซอร์เพิ่ม
ก็ยังมีทั้งบริษัทประกัน และก็ค่ายโทรศัพท์หลายอัน เพราะเราให้เอ็กคูซีฟในเรื่องของตัวสินค้าด้วย ซึ่งบอกตรงๆบางอันก็มี battle กันอยู่อยากมาทั้งคู่ก็เสียดายนะ แต่เราก็ให้เกียรติกับคนที่เป็นคู่ค้าเรานะ นอกจากนี้ก็มีคุยกับสถาบันการเงินอยู่หลายที่เหมือนกันมี K Blank กับ SCB ด้วย
@ในงาน Japan Expo Thailand 2018 ครั้งนี้มีทำโปรเจคอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย
ในงานนี้เกิร์ลมีจัดกิจกรรมหารายได้จะมอบให้มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง เพื่อช่วยเด็กที่เป็นมะเร็งในขั้นสุดท้าย ใช้ชื่อโครงการว่า Hi! Project โดยได้ทำเสื้อขาย เริ่มจำหน่ายไปแล้วได้พอประมาณราคาตัวละ 288 บาท โดยรายได้ทั้งหมด ไม่มีการหักค่าใช้จ่ายเลย แล้วมอบให้กับทางมูลนิธิฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มี พี่กุ้ง (ศรุดา นิ่มพิทักษ์พงษ์) เป็นผู้ร่วมหลักในการทำร่วมกับบริษัทจียู ครีเอทีฟด้วย โดยพี่กุ้งเป็นโปรดิวเซอร์ทำเทเลมูฟวี่เรื่อง “วัยซ่าส์ทะลุมิติ” ที่จะฉายครั้งแรกในโรงหนังหลังงานแจเปน เอ็กโป ไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ราวๆ เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่จะมีการเปิดขายบัตรในงานเจแปน เอ็กโป ก่อน ซึ่งบัตรขายได้เท่าไหร่ก็จะนำมารวมกับการขายเสื้อ แล้วมอบเงินกันในวันฉายหนังรอบแรกเลย
@ทราบมาว่า เจแปน เอ็กซ์โป มาเลเซีย ประสบความสำเร็จมาก มีแผนจะไปจัดที่ไหนอีกมั้ย
ประสบความสำเร็จมากค่ะ คนมาเต็มห้างสี่หมื่นกว่าคน แล้วต่อไปก็จะทำที่พม่า เพราะประเทศเพิ่งเปิด แล้วญี่ปุ่นไปลงทุนค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราเองก็ถนัดทางนี้ก็ตั้งใจว่าจะจัดปลายปีหน้าที่ย่างกุ้ง ประเทศพม่าค่ะ แต่กว่าเราจะสร้างงานๆ หนึ่งในต่างประเทศมันหลายเรื่อง ฉะนั้นเกิร์ลก็จะเลือกประเทศที่เกิร์ลมีเพื่อน ก็ใช้เพื่อนเป็นตัวตั้ง ซึ่งตอนแรกว่าจะไป อินโดนีเซีย ก็น่าจะดีกว่าพม่าด้วยซ้ำ แต่เผอิญในพม่า เกิร์ลได้รับเลือกให้เป็นประธานของนักธุรกิจไทยของโครงการ Young Entrepreneur Network Development (Yen-D) Yen-D Myanmar Batch Seanson 2 ซึ่งเป็นโครงการของกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
ในแต่ละปีโครงการจะมีจัดรวมนักธุรกิจ 4 ประเทศ คือในกลุ่ม CLMV ก็มีประเทศ Cambodia, Laos , Myanmar ,Vietnam ซึ่งใน CLMV เขาจะให้นักธุรกิจของไทยที่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ และนักธุรกิจจากประเทศCLMV นี้มาเรียนร่วมกัน คิดว่าเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันมากกว่า เพราะเราเชื่อเรื่องการนำ “มิตรภาพ” มาก่อนการทำธุรกิจ ซึ่งเกิร์ลเลือกเรียนแบบพม่า เราก็เลยเป็นนักเรียนไทย1 ใน 30 กว่าคนฝั่งไทยที่มาลงเรียนในโครงการนี้โดยเรียนร่วมกับพม่าที่ทำธุรกิจเช่นเดียวกัน ต้องบอกว่าเป็นโครงการที่ทำให้เราได้เพื่อนดีๆ มาเยอะมาก ตอนนี้ไปพม่าเลยเหมือนไปเยี่ยมครอบครัว เพราะทุกครั้งที่ไปก็จะมีเพื่อนๆ มาคอยต้อนรับพาไปโน่นไปนี่ ซึ่งตอนนี้เรากับเค้าอาจจะยังไม่ได้มีอะไรทำร่วมกันได้ แต่คุยไปคุยมาก็มีแนวโน้มจะทำธุรกิจอื่นต่อยอดร่วมกัน อย่างล่าสุดตอนนี้เกิร์ลก็ได้ซื้อคอนเท้นต์การ์ตูน Doraemon ไปฉายที่พม่า โดยมีการพากย์การ์ตูนเป็นภาษาพม่า ซึ่งเป็นอนิเม่การ์ตูนเรื่องแรกที่มีการพากย์อย่างเป็นทางการฉายบนรายการโทรทัศน์ที่นั่น เพราะปรกติจะเป็นซับไทเทิ้ล ซึ่งเราอยากให้เด็กเล็กๆ เข้าใจ บางคนยังอ่านหนังสือไม่ได้ เราก็อยากไปสร้างมาตรฐานดีๆ ให้กับวงการโทรทัศน์ที่พม่า
เกิร์ลเลยคิดว่าเราไปจัดในประเทศที่เรามีเพื่อน มีพี่มีน้องเยอะดีกว่า เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นเราก็จะได้มีเพื่อนช่วยนะ อย่างที่มาเลเซีย เกิร์ลก็มีญาติมาสิบกว่าปีแล้ว พอจบงานปั๊ปก็มีคนบอกว่าคุณเป็นคนแรกและครั้งแรกที่จัดงานเจแปนอีเว้นท์ ซึ่งเหมือนไปกระตุ้นต่อมตลาดมาเลเซียมาก เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าจัด กลัวมาก เพราะเป็นประเทศที่มีอิสลาม เรื่องของการแต่งตัวจึงต้องระวังมาก ไปที่โน่นเราก็จะเลือกไอดอลที่ใส่ชุดคลุมเข่าคลุมขาเลย แล้วก็เน้นเป็นผู้ชายมากกว่า ส่วนพี่กุ้งก็น่ารักเอาแฟชั่นไทยไปด้วย แต่ทำออกมาเป็นมุสลิมแฟชั่นโชว์ โดยมีมุสลิมแฟชั่นโชว์จากญี่ปุ่นบินมาร่วมด้วย ก็ปรากฏว่าผลการตอบรับดีมากๆ สื่อมวลชนให้ความสนใจวิ่งมาทำข่าวเอง เพราะเป็นปีแรกเกิร์ลไม่ได้จ้างพีอาร์ เพราะงบไม่มี เราลงทุนไปสิบห้าล้านบาทไม่ใหญ่เท่าเมืองไทย แต่ก็เท่ากับ1 ใน 3 ของการลงทุนของประเทศเลย ซึ่งการไปลงทุนในต่างประเทศมันแพงมาก ไม่ว่าทั้งเรื่องการก่อสร้าง เรื่องคน เรื่องวีซ่า ทุกอย่าง 3 เท่าของประเทศ เราเลยทำใหญ่เหมือนประเทศไทยไม่ได้ การพีอาร์กํยังไปโคกับห้างที่จัดงาน เขาก็ขึ้นจอLED ใหญ่ที่สุดในมาเลเซียให้หนึ่งเดือนเต็ม ตีค่าโฆษณาประมาณสิบล้านได้ ปรากฏว่ามีข่าวขึ้นหน้าแรกหนังสือพิมพ์จีนที่ดังมากของที่โน่นลงรูป PIKOTARO (พิโก ทาโร่) แล้วมาเอาข่าวจากเว็บไซด์เราไปเขียนเอง
นอกจากนี้ข้อดีของมาเลเซียก็คือหนังสือเป็นอินเตอร์เนชั่นเนล เป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยทำให้ข่าวของมาเลเซียดังไปทั่วโลก อยู่ดีๆมีคนติดต่อเกิร์ลมาจากประเทศอื่นเพราะเขาอ่านออก แม้แต่ประเทศจีนก็มี ก็เลยทำให้มาเลเซียเป็น first response ที่ดีมากสำหรับเราในการขยายออกไปประเทศแรก ผลที่ออกมาก็โชคดีเท่าทุน ซึ่งการทำงานของเกิร์ลจะเน้นต้องไม่ขาดทุน ถ้าออกมาเท่าทุนก็ยังดีค่ะ หลังจากนี้ต่อไปคงจัดที่พม่าซึ่งอยู่ในช่วงกำลังเตรียมตัว ส่วนมาเลเซียต้องมีครั้งที่สองเดือนกรกฎาคม 2018 แน่นอน และก็มีมองประเทศอื่นด้วยที่เวียดนามและก็อินโดนีเซีย เพราะมีเพื่อนอยู่ ในช่วงแรกขอเลือกประเทศที่เราจับต้องได้ก่อนคะ ”
@สรุปในครั้งนี้ประมาณการจำนวนคนจะมาร่วมงานประมาณเท่าไหร่
ปีนี้เกิร์ลก็อยากให้คนหมุนเวียนมากกว่าห้าแสนคน ซึ่งในปีที่ผ่านสามวันเรามีทำคนหมุนเวียนประมาณห้าแสนคน ทำเอาที่จอดรถของห้างไม่มีที่จอดเลย ปีนี้ก็เลยกำลังจะโคกับ grab และuber เพื่อให้คนที่มางานเจแปน เอ็กโปจะได้รับส่วนลด เพื่อจะได้ไม่ต้องขับรถมาค่ะ
Japan Expo Thailand2018 งานที่คัดสรรหัวใจของความเป็นญี่ปุ่นในด้านต่างๆ เข้ามานำเสนอให้คนไทยได้เรียนรู้ รวมที่สุดในด้านต่างๆ และได้รับการไว้วางใจจากพันธมิตรในแต่ละคอนเท้นต์ที่นำเอาไฮไลท์หรือที่สิ่งที่น่าสนใจแบบรู้ลึก รู้จริง จากญี่ปุ่น ขนทัพมาร่วมสร้างปรากฏการณ์ J-Pop Culture ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้ ภายใต้คอนเซ็ปท์ Infinite Japan ที่จะให้ทุกท่านสัมผัสความสนุกที่หลากหลายแบบกับกิจกรรมญี่ปุ่นแบบไม่มีที่สิ้นสุด
ร่วมพิสูจน์และเป็นส่วนหนึ่งกับความเป็นที่สุดของญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย และในแถบเอเชีย ระหว่างวันที่ 26-28 มกราคม 2561 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.japanexpothailand.com,www.gyucreative.com, www.facebook.com/japanexpointhailand