เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2560 เวลา 09:30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โชเชียลชื่นชม พล.ต.ท คำรณวิทย์อดีตผู้บัญชาการนครบาลห่วงประชาชน แม้ท่านเกษียณแล้วแต่ยังคงห่วงใยคนปทุมธานีด้วยกันเสมอมา ยังลงเรือแจกถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยน้ำท่วมพร้อมให้กำลังใจแก่ผู้ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งปัจจุบันมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวน 4,352 หลังคาเรือน
ด้าน พล.ต.ท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการนครบาล กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันมีน้ำปริมาณหลากเข้ามาในจังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะอำเภอเมืองและอำเภอสามโคกประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายพันหลังคาเรือน ซึ่งเป็นบ้านที่อาศัยอยู่ที่ลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตนเองจึงมีความรู้สึกเป็นห่วงประชาชน ที่ลำบากและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จึงได้จัดเตรียมข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มใส่ถุงนำไปแจกประชาชนที่เดือดร้อน ร่วมถึงนำทรายและกระสอบจำนวน 3000 ใบไว้ที่มูลนิธิมงคล-จงกล-ธูปกระจ่าง ตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ประชาชนที่รับความเดือดร้อนมารับไปตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปและถ้าไม่พอตนเองจะสั่งมาเพิ่มอีกเรื่อยๆจนเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
ส่วนสถานการณ์ของน้ำในวันนี้ ทางโครงการชลประทานปทุมธานี ได้รายงานสถานการณ์น้ำ ดังนี้ วันที่ 30 ต.ค. 60 ปริมาณน้ำผ่านจุดตรวจวัดสถานีบางไทร 2,795 ลูกบาศเมตรต่อวินาที ระดับเฝ้าระวัง เวลา 06.00 น. โดยระดับน้ำที่ +1.80 ม.รทก. จะมีผลกระทบบริเวณ สนง.ตรวจคนเข้าเมืองปทุมธานี , วัดจันทร์กระพ้อ ต.บางเตย อ.สามโคก , วัดป่างิ้ว ต.บ้านงิ้ว อ.สามโคก , วัดโพธิ์เลื่อน ต.บ้านกระแชง อ.เมือง , วัดน้ำวน ต.บางเดื่อ อ.เมือง ระดับปัจจุบัน +2.60 ม.รทก. ระดับน้ำสูงสุดเมื่อวาน +2.65 ม.รทก. เวลา 22.00 น. และระดับน้ำที่ +2.10 ม.รทก. จะมีผลกระทบบริเวณ , วัดโคก , วัดบางหลวง , วัดบางเดื่อ อ.เมืองปทุมธานี ระดับปัจจุบัน +2.25 ม.รทก. ระดับน้ำสูงสุดเมื่อวาน +2.50 ม.รทก. เวลา 18.00 น. ส่วนระดับน้ำที่ +2.21 ม.รทก. จะมีผลกระทบบริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยานอกคันกั้นน้ำชั้นในทั้งสองฝั่ง ระดับปัจจุบัน +2.65 ม.รทก. ระดับน้ำสูงสุดเมื่อวาน +2.81 ม.รทก. เวลา 18.00 น. ซึ่งในปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจะเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง โดยระดับน้ำขึ้นน้ำลงจะอยู่ที่ 5-10 เซนติเมตร และจะขึ้นสูงสุดในช่วงเวลา 16.00-18.00 น.
ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ รายงาน