นายเทอดศักดิ์ โต้ง เจียมกิจวัฒนา ได้โพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัว เป็นจดหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งข้อความผู้เขียน
อ้างว่า เป็นอดีตพันธมิตรฯ พร้อมรวม 5 คน ถูกจำคุกในคดีเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปี 2553
โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ
เนื้อหาจดหมายฉบับดังกล่าว ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 ระบุชื่อ น.ช.ชัยวัฒน์ ทีมทอง อ้างว่า เป็น อดีต
เจ้าหน้าที่สาขาพรรคประชาธิปัตย์ เขียนถึง ‘คุณพี่สงวน’ โดยเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่า ตนเองถูกจำคุก
อยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเวลา 11 เดือน หลังศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน จำคุก 2 ปี ในคดีพันธมิตรฯ
บุกปิดสนามบิน และปิดทำเนียบรัฐบาล ขณะเป็นการ์ดให้กับทีมสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ(ส.ร.ส.)
โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือเยียวยาใดๆ จากผู้ใดแม้แต่น้อย ในเนื้อหา ระบุอีกว่า หากตนเองและ
พรรคพวกพ้นโทษเมื่อไหร่ จะไม่คิดกับไปยุ่งกับการเมืองอย่างเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมาถือเป็นเวรเป็นกรรม
ที่ต้องชดใช้
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากวันที่ 10 พ.ค.2554 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์
ยื่นฟ้อง นายธีรเดช วรรณา, นายชัยวัฒน์ ทับทอง, นายธานี อาจสว่าง (ถึงแก่ความตาย ศาลจึงให้จำหน่าย
คดีออกจากสารบบความ), นายสมชาย ทองเกียรติ, นาย พงษ์พันธ์ กาจันทร์ และนายสมชัย หงสา แนวร่วม
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐาน พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุน
ปืนฯ,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะฯ, ข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมกระทำการหรือไม่กระทำ
การใด,หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ และมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490,
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310, 371 และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 4, 6, 22,
23 ศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 1-2 และ 4-6 มีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้จำคุกฐานข่มขืนใจผู้อื่นฯ
อันเป็นบทหนักสุด เป็นเวลา 3 ปี และฐานพกพาอาวุธเข้าไปในเมืองฯ ให้ปรับเงิน 100 บาท คำให้การ
ชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี และปรับเงิน 66 บาท ส่วน
จำเลยที่ 1 ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม กรณีพกพาเครื่องวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับ
อนุญาต อีก 1 กระทงด้วย ให้ปรับ 4,000 บาท คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง
ปรับ 2,000 บาท ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว จำเลยทั้ง 5 คนได้ยื่นหลักทรัพย์ เป็นเงินสดคนละ
200,000 บาท เพื่อประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
ที่มา แนวหน้า