ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยมาจากนายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 ลพบุรี.ว่า ถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
สืบเนื่องฝนตกหนักในพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำสาขา เมื่อวันที่ 2-7 ตุลาคม 2560 และมีฝนตกกระจายทั่วทั้งจังหวัดเพชรบูรณ์ ตั้งแต่คืนวันที่ 4-7 ตุลาคม 2560 ทำให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงเขื่อนฯ ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2560 มีปริมาณน้ำจำนวน 846.25 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 88.15%ของความจุ คงเหลือพื้นที่รองรับน้ำได้อีก110 ล้าน ลบ.ม. และคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนป่าสักฯ ช่วงวันที่ 6-12 ตุลาคม ๒๕60 อีกประมาณ 290 ล้านลบ.ม.ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าช่วงวันที่ 9-12 ตุลาคม ๒๕๖๐ จะมีมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่างทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งดังนั้นเพื่อให้เขื่อนป่าสักฯ มีพื้นที่ว่างรองรับน้ำที่จะไหลเข้าเขื่อนได้อย่างเหมาะสม ในช่วงนี้กรมชลประทานจึงได้ระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ วันละ 25 ล้าน ลบ.ม. (หรือ 290 ลบ.ม./วินาที) และจะปรับเพิ่มการระบายในช่วงระยะต่อไปซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักในเขตจังหวัดสระบุรีสูงขึ้นและเมื่อน้ำที่ระบายลงไปรวมกับปริมาณน้ำจากคลองชัยนาท–ป่าสักแล้วจะควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านลงสู่ท้ายเขื่อนพระราม ๖ ในอัตราไม่เกิน 500 ลบ.ม./วินาที ลักษณะเช่นนี้จะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสักตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระราม ๖ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปจนถึงบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.80-1.20 เมตร
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้รายงานสถานการณ์น้ำให้จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนบริษัท ห้างร้านที่ประกอบกิจการริมแม่น้ำป่าสัก และประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้หากมีฝนตกและส่งผลให้จำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ และปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระราม ๖ มากกว่าเกณฑ์ดังกล่าว กรมชลประทาน จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะต่อไป