ข่าว 5 เหล่าทัพออนไลน์
วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ณ ห้องประชุมอาเซียน 2 โรงแรมพีลูส อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน “ปฏิบัติการนำร่องลดการเผาในที่โล่งเพื่อสุขภาวะที่ดี และแนวทางการควบคุมป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) แบบมีส่วนร่วม ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ” ซึ่งเป็นโครงการ ที่ร่วมกันระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี และภาคส่วนต่าง ๆ ที่มาร่วมมือกัน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดกาญจนบุรี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดกาญจนบุรีมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการเกษตรกรรมที่สำคัญ แต่ในขณะเดียวกันก็เผชิญกับปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกิดจากการเผาในที่โล่ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ และเด็ก เพื่อให้การแก้ไขปัญหานี้เป็นไปอย่างยั่งยืน ดังนั้น โครงการนี้จึงเป็นการเริ่มต้นที่สำคัญในการลดการเผาในที่โล่งและลดผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองและการเผาในที่โล่งจะสามารถประสบความสำเร็จ และส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชน รวมทั้งการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในจังหวัดกาญจนบุรี ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ที่จะร่วมกันสร้างสรรค์แนวทางการแก้ไขปัญหานี้ให้เกิดผลจริง และนำไปสู่สุขภาวะที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในจังหวัดกาญจนบุรี
และในงานนี้ ได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการต่าง ๆ เข้าร่วมงาน อาทิ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 8 ผู้แทนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดร.เจน ชาญณรงค์ รองประธานสภาลมหายใจกรุงเทพมหานคร รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบุรณธรรม ผู้แทนหน่วยบริหารจัดการกองทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ นายนิวัฒน์ ขันโท ผู้แทน บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด พร้อมทั้ง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน คณาจารย์ผู้ดำเนินโครงการ
และ อาจารย์ดร.จุฑามาส แก้วสุข อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี และเป็นผู้แทนผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธัชวีร์ ลีละวัฒน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิทยาเขตกาญจนบุรี ในการกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน พร้อมทั้งเป็นหัวหน้าโครงการ “ปฏิบัติการนำร่องลดการเผาในที่โล่งเชิงรุกเพื่อสุขภาวะที่ดีในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี” ได้เปิดเผยว่า
“ โครงการการดังกล่าวได้จัดทำขึ้นโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้ร่วมกันจัดทำโครงการนี้ โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันจากการเผาในที่โล่งโดยใช้การบูรณาการข้ามศาสตร์ (Transdisciplinary) โดยผสานองค์ความรู้จากคณาจารย์และผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา จากมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี เช่น ด้านมลพิษทางอากาศ การตรวจวัดมลพิษ การสื่อสารและเทคโนโลยี พฤติกรรมการเกษตรและอาหาร รวมถึงการพัฒนานโยบายสิ่งแวดล้อม ดังนี้
- อาจารย์ ดร.จุฑามาส แก้วสุข
- อาจารย์ ดร.อาจารี แก้วเหล่ายูง
- อาจารย์ ดร.เนติยา การะเกตุ
- อาจารย์ ดร.ประไพพิศ สุวิทย์ชยานนท์
- อาจารย์ ดร.ชนาณัฐ แก้วมณี
- อาจารย์ ดร.นิธิมา สุทะพินธ์
- อาจารย์ ดร.จุฑามาศ สุคนธปฏิภาค
- อาจารย์ ดร.สุภัทร์ชัย รุจาคม
- อาจารย์ ดร.วัชรพล วงศ์เลิศอารักษ์
10.อาจารย์ ผศ.ดร. เอริกา พฤฒิกิตติ - อาจารย์ ดร.ถกล วิทยาธนรัตนา
และ 12. ดร.จุฑาทิพย์ มณีพงษ์
อาจารย์ดร.จุฑามาส แก้วสุข อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้กล่าวเพิ่มเติม จากแนวคิดการจัดทำโครงการนี้ ว่า “ จากรายงานการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่าต้นตอใหญ่ที่สุดของฝุ่น PM 2.5 คือการเผาในที่โล่งใน พื้นที่เกษตรและการเผาป่า โดยการเผาในที่โล่งในพื้นที่เกษตรก่อให้เกิดฝันPM 2.5 ประมาณ 209,937 ตัน) โดยภาคเหนือประสบปัญหา PM2.5 มากที่สุดเนื่องจากสภาพทางภูมิประเทศที่เป็นแอ่ง ส่วนภาคกลางนั้นจากสถิติพื้นที่จุดความร้อนในปี 2566-2567 ที่ผ่านมาพบว่าพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีมีจุดความร้อนชนาดใหญ่ที่สุดครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1 ล้านไร่ ส่งผลให้มลพิษเหล่านี้กระจายไปในภูมิภาครวมถึงกรุงเทพมหานคร จากการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นของปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ในจังหวัดกาญจนบุรี พบว่าปี พ.ศ. 2565 PM1.5สูงเกินค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกหรือ WHO แนะนำประมาณ 5 – 10 เท่าในช่วงระยะเวลาร่วม 6 เดือน นั่นคือเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน
อีกทั้งสถานการณ์ดังกล่าวยังสืบเนื่องต่อมาจนถึงปีที่เพิ่งผ่านมา (พ.ศ.2566) ที่สถานการณ์ดูมีแนวโน้มจะรุนแรงยิ่งขึ้นเห็นได้ชัด และเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2567 การสำรวจเบื้องต้นในพื้นที่ป้าและไร่อ้อย พบว่าแหล่งกำเนิดมลพิษฝุ่นที่สำคัญคือ ไฟป่าและการเผาในพื้นที่โล่ง อื่นๆ เช่น เผาหญ้าริมทาง เผาในพื้นที่การเกษตร เผาขยะ และโดยเฉพาะการเผาอ้อย ทั้งหมดเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดจดความร้อนในพื้นที่ นอกเหนือจากกิจกรรมการเผาที่เป็นปัญหาหลักแล้ว ในพื้นพื้นที่จังหวัดกาญจบุรีก็ยังได้รับผลกระทบเรื่องฝุ่น PM2.5 จากทั้งกิจกรรมในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นการทำเหมืองแร่ โรงโม่หิน รวมไปถึง การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อการคมนาคมขนส่งและสัญจร ซึ่งฝุ่น PM 2.5 นั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพ ของผู้คนทั้งในเรื่องของสุขภาพกายที่เป็นสาเหตุของโรคของระบบทางเดินหายใจและสุขภาพจิตที่เป็นสาเหตุ ของความเครียดและความวิตกกังวลในการใช้ชีวิต ซึ่งปัญหานี้ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปี 2567 และมีแนวโน้ม รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในปีที่ประสบภัยแล้งเนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) จากการวิเศราะห์ ข้อมูลจุดความร้อนจากการเผาในที่โล่งแจ้งในจังหวัดกาญจนบุรีย้อนหลังเป็นเวลา 10 ปีระหว่างปี 2557-2567 พบว่าพื้นที่เผาซ้ำซากที่มีอยู่และการเกิดฝุ่น PM2.5 อยู่ใน 3 พื้นที่ได้แก่ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ (อ.ศรีสวัสดิ์)และ 2 พื้นที่ไร่อ้อย (อ.ไทรโยค และ อ.บ่อพลอย) จึงมีการจัดทำโครงการ “ปฏิบัติการนำร่องลดการเผาในที่โล่งเชิงรุกเพื่อสุขภาวะที่ดีในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี” เพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดีให้กับประชาชนในพื้นที่เผาซ้ำชากในจังหวัดกาญจนบุรี โดยการลดจุดความ ร้อนที่เกิดจากการเผาในที่โล่งใน 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ (อ.ศรีสวัสดิ์) และ 2 พื้นที่ไร่อ้อย (อ.ไทรโยค และ อ.บ่อพลอย) โดยมีวัตถุประสงค์ในระดับโครงการ ดังนี้
1) ลดการเผาในที่โล่งและปรับปรุงการจัดการกิจกรรมทางการเกษตรที่ก่อให้เกิดมลพิษ โดยเฉพาะไร่อ้อย
2) พัฒนาเครือข่ายชุมชนโรงเรียน และประชาชน เพื่อลดผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับพัฒนารูปแบบการดำเนินงานในการลดการเผาร่วมกันระหว่างประชาชนกับภาค
3) ส่งเสริมการแปรรูปวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรโดยสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในการแปรรูปวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร
และ 4) ริเริ่มเครือข่ายสภาลมหายใจกาญจนบุรี: สร้างความร่วมมือระหว่างภาคประชาชนภาคเอกขนและหน่วยงานราชการในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและการมาในที่โล่ง
การสร้างเครือข่ายภาคประชาสังคมถือว่ามีความสำคัญมากในการขับเคลื่อนวาระอากาศสะอาดของจังหวัดกาญจนบุรี โดยเฉพาะการรับรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5.5 ต่อสุขภาพ ซึ่งโครงการดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือกับภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และภาครัฐในการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐ สร้างกลไกการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ เพื่อสร้างผลสำเร็จในการสร้างเสริมสุขภาพให้กับประชาชนในพื้นที่กาญจนบุรี ลดผลกระทบจากฝุ่นควัน และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป
#สสส.
มหาวิทยาลัยมหิดลวิทยาเขตกาญจนบุรี
ข่าว5เหล่าทัพออนไลน์
น.ส.พ. กองทัพข่าว ภูมิภาค
วราพร โพธิ์เย็น