เมื่อช่วงบ่าสยที่ผ่านมาพันตำรวจโทประยูร วิเศษชาติ สารวัตรสอบสวน สภ.บ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่หมู่ที่ 5 ตำบลมหาสอน อำเภอบ้านหมี่ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยพลตำรวจตรี อภิรักษ์ เวชกาญจนา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี พันตำรวจเอกอาสาฬห์ ถมยา รอง ผบก.ลพบุรี พันตำรวจเอก วรพันธุ์ พิสุทธานนท์รอง ผบก.ลพบุรี พันตำเอกศุภกร อ้นสุวรรณ์ ผกก.สภ.บ้านหมี่ ในที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณด้านท้ายรถยนต์หกล้อบรรทุกวัสดุก่อสร้าง เป็นเสาปูน ใกล้กับผู้ตายพบรถจักยานยนต์จอดอยู่1คัน รอบบริเวณพบปลอกกระสุนปืนลุกซองตกอยู่จำนวน5 ปลอก จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐาน ทราบชื่อผู้ตายในเวลาต่อคือนางอุไร แสงทอง อายุ58ปี หมู่ที่4 ตำบล มหาสอน ซึ่งเป็นเจ้าของที่ที่จะเข้ามาล้อมรั้วเนื้อที่2งาน บาดแผลถูกยิงเข้าที่ลำตัวจำนวนหลายแห่ง
ส่วนผู้ก่อเหตุ หลังยิงนางอุไร แสงทอง แล้วได้หลบเข้าไปอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวที่เพิ่งได้รับมอบจากโครงการสังฆประชานุเคราะห์ จากคณะสงฆ์เมื่อวันที่27 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา หรือเมื่อ2 วันที่แล้ว โดยมีการจัดพิธีมอบกันใหญ่โต มีท่านรองผู้ว่า เจ้าคณะภาพ3 เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี และประชาชนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวมีผู้ป่วยติดเตียงอยู่และผู้ก่อเหตุเป็นสามีผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเจ้าหน้าที่ในเวลาเกลี่ยกล่อมอยู่นานจนยอมออกมามอบตัว พร้อมอาวุธปืนลูกซองยาว พร้อมกะสุนปืน ทราบชื่อผู้ก่อเหตุในครั้งนี้คือนายอำพัน ปานกล่ำ อายุ67 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเอาไว้
จากการสอบถามนางสาวแสงทิพย์ แสงทอง ลูกสาว ของผู้ตายเล่าว่าตนเองอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งแม่สั่งวัสดุก่อสร้างเพื่อเข้ามาล้อมรั้วตรงที่เกิดเหตุ ซึ่งที่ดังกล่าวเคยเป็นที่ของภรรยาผู้ก่อเหตุ แต่ได้ถูกบังคับคดีแม่จึงได้ซื้อได้ที่มาอย่างถูกต้อง ช่วงเกิดเหตุตนกับแม่พร้อมรถส่งของมาจึงที่ เหตุผู้ก่อเหตุยืนดูอยู่ แต่แล้วสักพักผู้ก่อเหตุได้ถือปืนลูกซองยาวเดินเข้ามาหาแม่และยิงแม่ไป1นัดแม่ล้มลงกับพื้น ตนเองพยายามเข้าไปขอร้องผู้ก่อเหตุแต่ไม่ได้ผลผู้ก่อเหตุเดินไปยิงซ้ำที่ร่างแม่อีกตนเองจึงได้วิ่งออกมาเพื่อจะมาขอความช่วยเหลือและได้ยินเสียงปืนดังตามมาอีก3-4นัด
นางสาวแสงทิพย์ แสงทอง ลูกสาว ของผู้ตาย บอกต่อว่า ตนเองไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุโกรธอะไรขนาดนั้นถึงได้ยิงแม่ขนาดนี้แม่เป็นผู้หญิงแท้ๆ ขอร้องแล้วก็ไม่ยอมฟังยังยิงซ้ำอีก สำหรับที่ดินนั้นเคยเป็นที่ของภรรยาของผู้ก่อเหตุจริงแต่ก็ได้ถูกบังคับคดีมาแล้วทางครอบครัวของตนเองก็ได้ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง จะอะไรก็น่าจะคุยกันดีๆไม่น่าถึงกับมายิงกันแบบนี้
ขณะที่นายทวี หนูนิล คนขับรถวัสดุก่อสร้างที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าพอตนเอง ผู้ตาย และลุกสาวมาถึงก็กำลังจะเอาของลงผู้ก่อเหตุก้เดินถือปืนเข้ามาเลยไม่พูดอะไรเลยก็ยิงใส่ผู้ตายเลยตนเองเหตุแล้วตกใจรีบวิ่งหนีเอาตัวรอดและได้ยินเสียงปืนดังติดต่อกันอีกหลายนัด และตนเองยังรีบเรียกลูกสาวของผู้ตายให้ออกมาเพราะคงคุยกับผู้ก่อเหตุไม่รู้เรื่องแน่นอนอาจจะถูกยิงไปด้วย ส่วนสาเหตุตนเองไม่ทราบเรื่องเลย
ด้านนายอำพัน ปานกล่ำ อายุ67 ปี มือปืนผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนเองเพิ่งมาอยู่กับภรรยาคนนี้ได้ประมาณ4 ปี และดูแลกันมาเนื่องจากภรรยาเป็นผู้ป่วยติดเตียง ที่ก่อเหตุเพราะแค้นที่ผู้ตายไล่ที่ จนไม่มีที่จะอยู่ เพิ่งได้รับมอบบ้านตามโครงการสังฆประชานุเคราะห์ จากคณะสงฆ์ และมาอาศัยที่ของพี่สาวภรรยาใช้เป็นสถานที่สร้างบ้านให้ โดยทราบว่าภรรยานำที่ไปไว้กับผู้ตายจำนวนเงิน3หมื่น แต่ตอนหลังกลายเป็นเงิน8 แสน เคยไปคุยเพื่อขอซื้อที่คืนแต่ก็ไม่เป็นผล และถูกไล่ที่จึงเกิดความแค้น จึงได้ก่อเหตุ ถึงนี้ถือเป็นกรรม ซึ่งตนเองก่อกรรมที่ยิงเขาตายก็พร้อมรับกรรมที่ก่อเอาไว้
///////////////
นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวภาคกลาง หนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ