โรงงานยาสูบพร้อมปรับขึ้นบุหรี่ 16 ยี่ห้อรับฐานภาษีสรรพสามิตใหม่ ยอมกลืนเลือดส่วนใหญ่ขายไม่เกินซองละ 60 บาทต่อไป แม้กำไรลดลงปีละ 7 พันล้าน
น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า หลังจากอัตราภาษีสรรพสามิตยาสูบใหม่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย.แล้ว จะทำให้โรงงานยาสูบต้องปรับราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นทั้ง16 ยี่ห้อที่ขายอยู่ในตลาด เนื่องจากมีภาระภาษีเพิ่มมากขึ้น จากเดิมเสียภาษีซองละ 25-40 บาท เป็นซองละไม่ต่ำกว่า 50 บาท แต่คาดว่าบุหรี่้ส่วนใหญ่จะยังขายในราคาที่ซองละไม่เกิน 60บาท เพื่อไม่ให้เสียภาษีขามูลค่าในอัตราที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ อัตราภาษีบุหรี่ใหม่จะมีการเก็บภาษีทั้ง 2 ขาไปพร้อมกัน คือมีการคิดภาษีตามปริมาณ 1.20 บาทต่อมวน และตามมูลค่า โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือราคาไม่เกินซองละ 60 บาท เสียภาษี20% และราคาที่เกินซองละ 60 บาท จะเสียภาษี 40% ดังนั้นโรงงานยาสูบจะพยายามทำราคาไม่ให้เกิน 60 บาท เพื่อไม่ต้องเสียภาษีด้านมูลค่าขึ้นอีก 1 เท่าตัว อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการทำราคาขายบุหรี่ให้ถูกจะส่งผลให้โรงงานฯ มีกำไรลดลง โดยปกติในปีงบประมาณ 59 และ 60 จะมีกำไรเฉลี่ยปีละ 9,000 ล้านบาท ลดเหลือกำไรในปี 61 เพียง 2,000 ล้านบาท แต่โรงงานยาสูบได้ทำเรื่องถึงกระทรวงการคลังเพื่อขอชดเชยไม่ให้กระทบโบนัสของพนักงาน