กรณีลูกชายห้ามแม่เยี่ยมหลานเพราะแม่ขี้เหร่ จนโดนกระแสสังคมโลกออนไลน์สับเละ เกิดคดีพลิกซะแล้ว
ล่าสุดรายการทีวีเชิญแม่ลูกไปพูดคุยพบหน้า สุดท้ายความจริงเผย ที่แท้แค่สื่อสารผิดพลาด ลูกชายกลาย
เป็นเหยื่อเพราะสื่อเสนอข่าวบิดเบือน
จากกรณีที่สื่อโทรทัศน์ของจีนได้นำเสนอข่าวของนางติง เหลียง วัย 63 ปี ที่เดินทางจากหมู่บ้านมาถึง 5 ชม.
เพื่อมาหาลูกชายและเยี่ยมหลานที่เพิ่งคลอด แต่เหมือนถูกลูกชายบ่ายเบี่ยงไม่ให้พบเพราะหน้าตาแม่ขี้เหร่
(อ่านข่าว อนาถใจมาก หนุ่มจีนห้ามแม่มาเยี่ยม ด้วยเหตุผล แม่ขี้เหร่ไป ) จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ใน
วงกว้าง โดยเฉพาะจากผู้คนในสังคมออนไลน์ ซึ่งรายงานของ เว็บไซต์ร็อกเก็ตนิวส์ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม
2557 ระบุว่า มีจำนวนผู้เข้ามาแสดงความเห็นต่อว่า ลูกชายรายนี้กว่า 37,000 ข้อความ ผ่านพื้นที่แสดง
ความคิดเห็นถึง 1,800 หน้า แต่ล่าสุด ดูท่าจะคดีพลิกเสียแล้ว เมื่อในที่สุดรายการโทรทัศน์ได้เชิญแม่ลูก
คู่นี้มาพบหน้าคุยกันในรายการ จึงได้ทราบว่า ความจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ร้ายแรงเหมือนที่สื่อเสนอออกไป
แต่แรกเลย
หลังจากถูกก่นด่า พร้อมข้อความโจมตีและแสดงความมุ่งร้ายมากมาย ทำให้ลูกชายของนางติง เหลียง
ต้องเผชิญกระแสความอาฆาตจากคนสังคมอย่างรุนแรง ซึ่งไม่ได้จำกัดพื้นที่อยู่แค่ในโลกออนไลน์เท่านั้น
แต่ยังถูกรุกล้ำไปจนถึงชีวิตจริงของเขาด้วย ทั้งนี้ หลังจากข่าวแรกที่ตีแผ่ออกไป ก็มีข้อความรายละเอียดอื่น ๆ
ที่ไม่เหมือนกับสิ่งที่ถูกรายงานไปในครั้งแรกผุดออกมา อาทิ นางติง เหลียง ผู้นี้ ได้ทิ้งลูกชายและสามีไป
ตั้งแต่เขาอายุได้ 5 ขวบ, ลูกไม่เคยพูดเลยว่าแม่ขี้เหร่ และลูกชายติดธุระเดินทางไปทำงานที่อื่นในวันนั้นจริง
เมื่อมีกระแสที่ค้านขึ้นมาแบบนี้ ทางสถานีโทรทัศน์จึงตัดสินใจเชิญทั้งคู่ให้มาพูดคุยเผชิญหน้ากันในรายการ
จึงได้พบว่า สิ่งที่สื่อได้รายงานออกไปในตอนแรกนั้นเกินเลยจากความจริงไปมาก ต้นเหตุมาจากการสื่อสาร
ที่ผิดพลาด เมื่อเจอกับยุคปัจจุบันที่ข่าวสารแพร่ไปไว จึงทำให้เกิดกระแสขึ้นมาอย่างรุนแรง จนกล่าวได้ว่า
เรื่องนี้ทำให้ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นเหยื่อความเกลียดชังของสังคมไปโดยไม่รู้ตัว
จากสิ่งนี้เองที่จะเป็นเรื่องช่วยเตือนสติชาวเน็ตทั้งหลายได้เป็นอย่างดีว่า อย่าเมามันไปกับการด่าทอ สาปแช่ง
สาดความเกลียดชัง และตัดสินคนอื่นผู้อื่นว่าผิด จากการฟังความแค่เพียงข้างเดียวหรือยังไม่รู้ข้อเท็จจริง
ทั้งหมด ซึ่งดูเหมือนสิ่งนี้จะเห็นได้เด่นชัดขึ้นทุกวันในสังคมออนไลน์ไทยที่นิยมความดราม่า ก่อนจะวิพากษ์
วิจารณ์อะไรออกไป ต้องมีวิจารณญาณมองเรื่องราวอย่างเป็นจริงและรอบด้าน ไม่เช่นนั้นหากเจอคดีพลิก
แบบกรณีลูกชายว่าแม่ขี้เหร่ขึ้นมา คนที่ว่าเขาไว้เสีย ๆ หาย ๆ คงหงายเงิบไม่เบา