เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 13 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 กรณีเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.แสมดำ ตั้งด่านจับกุมผู้ต้องหาลักลอบขนยาไอซ์ ได้พร้อมของกลางจำนวนมาก โดยเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ พ.ต.อ.ปรีชา หนูสลุง ผกก.สน.แสมดำ พร้อม พ.ต.ท.พงศ์ธริษฐ์ ธัญธนาโภคิน รอง ผกก.ป.สน.แสมดำ และ พ.ต.ท.วีระชัย สังข์ศรี สวป.สน.แสมดำ นำกำลังสายตรวจตั้งจุดสกัดตรวจค้นอาชญากรรม และยาเสพติด ตามมาตรการกวาดล้างอาชญากรรม ในช่วงเทศกาลลอยกระทง 2567 บริเวณถนนแสมดำ ปากซอย 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
ปรากฏมีรถกระบะ โตโยต้า รุ่นรีโว่ สีขาว ทะเบียน 2 ฒข 9353 กรุงเทพมหานคร ขับผ่านมาด้วยท่าทีมีพิรุธ เมื่อเจ้าหน้าที่ขอให้รถคันดังกล่าวหยุด และสั่งการให้คนขับจอดรถ เพื่อลดกระจกลง พบว่า ทั้งคนขับ และผู้โดยสาร อีก 2 ราย ซึ่งนั่งมาด้วยกันแสดงอาการเลิกลั่กเอาแต่ก้มหน้าก้มตาให้เห็นชัดเจน จากการสอบถาม คนขับทราบชื่อต่อมาคือ นายจักรี (ขอสงวนนามสกุล) ชาว จ.นครปฐม และผู้โดยสาร อีก 2 ราย ทราบชื่อคือ นายวุฒิชัย (ขอสงวนนามสกุล) ชาว จ.ศรีสะเกษ และ นายซันเทียน (สัญชาติพม่า) ทั้ง 3 ราย ยอมรับว่า เพิ่งพากันเสพยาไอซ์มาหมาดๆ
และเมื่อดำเนินการตรวจค้นในรถ พบยาไอซ์ บรรจุอยู่ในถุงชาจีน จำนวน 3 ถุง น้ำหนักรวม 3 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในห้องโดยสาร และยังมีอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน รวม 19 นัด ซุกซ่อนอยู่ที่เบาะหลังคนขับ จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมด และคุมตัวผู้โดยสารทั้ง 3 ราย ไปสอบปากคำขยายผล ที่ สน.แสมดำ
ส่วนผลการสอบปากคำ ทั้ง 3 ราย อ้างว่า เพิ่งขับรถจาก จ.สมุทรสาครแวะไปหาเพื่อนชื่อไก่ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) วัยรุ่นย่านบางยี่เรือ ซึ่งชักชวนให้เสพยาไอซ์ร่วมกัน จากนั้น นายไก่ ได้ฝากถุงชา จำนวน 3 ถุง เพื่อกลับไปส่งให้เพื่อน ในพื้นที่ใกล้เคียงวัดบ้านไร่ จ.สมุทรสาคร โดยไม่รู้ว่าภายในถุงชาเป็นยาเสพติด เบื้องต้นจึงถูกแจ้งข้อหาร่วมกันครอบครองยาไอซ์เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาไอซ์โดยผิดกฎหมาย แก่ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย
ขณะที่ นายจักรี ผู้ขับขี่ถูกแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพติดโดยผิดกฎหมาย เพิ่มเติม ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.แสมดำ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.