อิฐเก่าเก่าเหล่านี้มีตำนาน… บรรยากาศท่ามกลางซากอิฐ เศษปูน สถูปเจดีย์ และร่องรอยปรักหักพังของโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่กว่าสี่ร้อยปีเหล่านี้คือเสน่ห์ของ”เมืองละโว้ธานี” หรือ จังหวัดลพบุรี
ราชธานีเก่าของไทย “ในสมัย พระบาทสมเด็จ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นพระมหากษัตริย์ ทรงครองเมือง ลพบุรี
แต่ภายใต้ความงดงามของสถาปัตยกรรมและความเข้มขลังในอดีตกาล ยังแฝงไปด้วยตำนานลี้ลับและเรื่องเล่าวิญญาณอาถรรพ์ ซึ่งเรื่องผี ๆ เหล่านี้ ยังคงเล่ากันมาปากต่อปากจวบจนปัจจุบัน
แม้มุมมองความเชื่อของแต่ละคนนั้นจะแตกต่างกันออกไปตามการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย เมื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ย่างกรายเข้ามา แต่คำว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่… ก็ยังคงเป็นวลีฮิตติดปากที่ยังใช้เชื่อมกันได้ดีระหว่างความเชื่อของ 2 มิตินี้
ในวันนี้ ศูนย์ข่าวภาคกลาง หนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ พร้อมด้วย สำนักข่าวข่าวสืบสวน ขอย้อนความอาถรรพ์ความเฮี้ยนของวิญญาณหรือผี
ชวนทุกคนไปเยือนย่ำ “วัดร้าง” แห่งเมืองละโว้ธานี บนแผ่นดิน พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงก่อสร้างเมืองนี้มาตั้งแต่อดีต .
สัมผัสเรื่องราวชวนหลอนจากเรื่องเล่าในตำนานของเศษซากประวัติศาสตร์
ให้ความหมายของ “วัดร้าง” ไว้ว่าหมายถึง พุทธสถานที่หมดหน้าที่ใช้งานอย่างเป็นทางการไปแล้ว มีตั้งแต่การขาดพระสงฆ์จำพรรษาประจำวัด การถูกยุบรวมกับวัดอื่น ๆ ไปจนถึงถูกทำลายโดยภัยหายนะ สงคราม จนกระทั่งกลายเป็นเศษซากโบราณสถาน บางแห่งเหลือไว้เพียงชื่อและตำแหน่งที่จดจำต่อ ๆ กันมา
ด้วยความทิ้งร้างของวัดและโบราณสถานหลายแห่งในอยุธยา ทำให้บรรยากาศของความน่ากลัวเข้าปกคลุมในพื้นที่ ผนวกกับตำนานหรือเรื่องราวในประวัติศาสตร์เล่าเคล้าคลอต่อกันมาด้วยแล้ว ยิ่งชวนให้ขนลุกเข้าไปอีก ถ้าพร้อมแล้ว ไปเปิดกรุ หนึ่ง วัดร้างแห่งเมืองละโว้ธานี หรือเมืองลพบุรี
ตามตำนานเล่าว่าเมื่อประมาณ 40 ปีถึง 50 ปีก่อน ได้มีกลุ่มหัวขโมยที่เข้าไปลักลอบขุดหาสมบัติภายในวัด ซาก พื้นที่ ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เมื่อก่อนการสัญจรเมื่อก่อนเป็นถนนลูกรัง และเป็นสถานที่เปลี่ยวไม่มีบ้านเรือนประชาชน เป็นป่า มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมในบริเวณวัด ทำให้น่ากลัวมีสิ่งลี้ลับอาศัยอยู่ที่นี่ความเฮี้ยนร่ำลือมา ช้านานแล้ว
ใต้มีกลุ่มโจรเข้ามาแอบลักลอบขุดหาวัตถุโบราณเช่นพระเครื่อง สิ่งของล้ำค่าภายในวัด แต่สุดท้ายก็จบชีวิตลง หรือพบเจอกับเหตุการณ์ประหลาดจนไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ บางรายก็ตายโหงอยู่ที่นี่ไม่ได้สิ่งของกลับไปขายได้เลย ทำให้ไม่มีใครกล้ามาเหยียบวัดแห่งนี้ความเพี้ยนความหลอนไม่น้อยหน้าใคร
วัดซาก
อีกหนึ่งเรื่องเล่าของชาวบ้านคือ มีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมวัด แม้ว่าไกด์จะเตือนก่อนหน้านี้แล้วว่าห้ามหยิบจับของอะไรภายในวัดกลับไปโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจจะเจอดีได้ แต่กลับมีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่ไม่เชื่อและได้หยิบเศษหินเศษอิฐกลับไปเป็นจำนวนหนึ่ง ในระหว่างที่นั่งรถเดินทางกลับนั้น เขานึกขึ้นได้ตอนใช้มือล้วงกระเป๋าและเจอเศษอิฐ จึงได้รู้ว่าตัวเองเอาเศษอิฐกลับมาด้วย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจและทิ้งเศษอิฐทั้งหมดไว้ริมหน้าต่าง
หลังจากเขาถึงบ้าน ตอนกลางคืนยามหลับ เขาได้ฝันถึงสถานที่คล้ายโบสถ์ในวัด และได้พบกับผู้ชายตัวดำ ร่างสูงใหญ่ ถือดาบ หน้าตาถมึงทึง และพูดออกมาว่า “กูเตือนมึงแล้วไม่ฟัง” เขาจึงวิ่งหนีเข้าไปในโบสถ์ พร้อมยกมือไหว้เพื่อร้องขอชีวิตและหลังจากนั้นจึงสะดุ้งตื่น ซึ่งขณะนั้นเขามีอาการปวดหูอย่างรุนแรง เขาจึงยกมือไหว้เพื่อขอโทษกับสิ่งที่เขาทำอีกครั้ง จากนั้นอาการปวดหูจึงค่อย ๆ หายไป จากเรื่องเล่านี้ จึงเป็นที่มาของตำนานอย่าหยิบอะไรออกไปจากวัด เพราะว่าเจ้าของอาจจะมาทวงคืนเอาได้นั่นเอง
นอกจากนี้ ชาวบ้านรุ่นปู่ย่า และผู้สูงอายุ 70-80 ปี ที่อาศัยอยู่ที่นี่
ยังเล่าว่า มักมีคนเดินทางมาฆ่าตัวตายภายในวัดนี้หลายศพ ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ต่างเหล่าขานถึงความหลอน โดยเฉพาะ ใครที่เอาสมบัติที่นี่ไป ต้องมีการเอามาคืนพร้อมสังเวยชีวิตทุกราย
ขอเพิ่มความเฮี้ยน ความหลอน “วัดซาก”
สร้างสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช อายุกว่า 3,000 ปี
ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นสถานที่
จุดจบชีวิตเจ้าพระยาวิชาเยนทร์
ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช วัดซาก ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ. ห่างจากตัวเมืองลพบุรีราว 4 กิโลเมตร. เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่พื้น ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมือง. จังหวัดลพบุรี จากการสำรวจยังคงพบหลักฐาน เจดีย์องค์ใหญ่ พระอุโบสถ1 หลัง และ วิหาร1 หลัง วัดแห่งนี้น่าศึกษาความเป็นมาอย่างยิ่ง…
สถานภาพของสถานที่ ซากโบราณสถาน ความสำคัญในอดีต สภาพทางภูมิศาสตร์ สภาพทางเศรษฐกิจสังคม ลักษณะเด่นทางวัฒนธรรม ได้มีการค้นพบหลักฐานโบราณวัตถุสมัยลพบุรี เป็นจำนวนหลายแห่ง เช่น ประติมากรรมหินทรายรูปเศียรอสูร จากวัดซาก จังหวัดลพบุรี ประวัติความเป็นมา วัดซาก ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง มีเพียงเนินดินและซากฐานเจดีย์ใหญ่ จากการขุดตรวจพบว่ามีการสร้างทับซ้อนเป็นลำดับคือ ฐานล่างเป็นศิลาแลง ชั้นบนก่ออิฐ ชาวบ้านได้สร้างวัดขึ้นใหม่บนซากเนินโบราณสถาน และตั้งชื่อว่า “วัดซาก” นอกจากซากโบราณสถานแล้วยังได้พบชิ้นส่วนของประติมากรรมขนาดใหญ่หลายชิ้นที่วัดนี้ เป็นเศียรยักษ์ศิลา ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ได้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2479 วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง นายตรี อมาตยกุล ได้เขียนไว้ในหนังสือจังหวัดลพบุรีว่า “…วัดนี้เห็นจะสร้างมาแต่ครั้งเขมรรุ่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เพราะได้เคยพบเศียรยักษ์ขนาดใหญ่ สมัยลพบุรีที่วัดนี้มีหลายเศียร ซึ่งได้นำมาเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่กรุงเทพฯ ก็มี เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลพบุรีก็มี ที่วัดนี้ มีเรื่องเกี่ยวเนื่องในพงศาวดารอย่างหนึ่งคือ เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ใกล้จะสวรรคต พระเพทราชากับหลวงสรศักดิ์ คบคิดกัน เป็นขบถจะแย่งชิงราชสมบัติจึงได้จับเจ้าฟ้าอภัยทศกับเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ มาประหารชีวิตที่วัดนี้ เมื่อ พ.ศ.2231
มีมีชาวบ้านยุคก่อน
โบราณสถานวัดซากแห่งนี้ ยังไม่ปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับช่วงศักราชแรกสร้างที่ชัดเจนนัก โดยจากหลักฐานทางโบราณคดีรวมทั้งโบราณวัตถุที่พบในปัจจุบัน ได้นำไปสู่ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า โบราณสถานวัดซากน่าจะเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นในวัฒนธรรมลพบุรี หรือเมื่อครั้งขอมเรืองอำนาจ กล่าวคือ ในช่วงระหว่างพุทธศตวรรษที่ 15-18 ทั้งนี้โบราณสถานวัดซากอาจมีอายุร่วมสมัยกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (ตรี อมาตยกุล : 2524) ก็เป็นได้ หลังจากนั้นจึงได้พบหลักฐานกล่าวถึงวัดซากอีกครั้งในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เมื่อปี พ.ศ2231 ทั้งนี้จากการขุดค้นทางโบราณคดีได้พบหลักฐานยืนยันว่า โบราณสถานวัดซากเคยผ่านการซ่อมเสริมและสร้างระเบียงคดเพิ่มเติมในสมัยอยุธยาด้วย ก่อนที่วัดแห่งนี้จะหมดความสำคัญและถูกทิ้งร้างให้เสื่อมสภาพลงไปในที่สุด
วัดซากได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานสำหรับชาติ ลงในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 53 หน้า 905 วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2479 โดยมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 7 ไร่ 2 งาน 32 ตารางวา ณ บริเวณ ถูกทิ้งร้างจนถึงปัจจุบัน อยากให้กรมศิลปากรลงพื้นที่ตรวจสอบและมรณะ สถานที่แห่งนี้ให้เจริญเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง…
ความหลอนวัดแห่งนี้ไม่มีใครกล้าเดินคนเดียวไม่มีใครกล้าไปท้าพิสูจน์ความเฮี้ยน โดยมีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง คึกคะนอง รวมกลุ่มกัน 3-4 คน ลงไปพิสูจน์ วัดซาก บางกลับออกมาเป็นไข้หัวโขนบางรายก็ไม่รอดกลับมาหรือช็อคตายอยู่ในบริเวณวัดฯ และไม่มีใครกล้าไปพิสูจน์อีกเลย ตำนานเล่าขานเอาไว้เรื่องนี้ความหลอนไม่น้อยหน้า ใครที่นี่ร้อนกว่าหลอนร้อนมากและเฮี้ยนมากใครใครไม่เชื่ออย่าไปลบหลู่ หรือใครอยากมาพิสูจน์ก็ห้ามใครไม่ได้ใครอยากมาก็มามีคำเตือนว่ามาแล้วเจออาถรรพ์หรือเจอความหลอนอย่ามาโทษกัน ว่าเราไม่เตือนท่านเราเตือนท่านแล้วท่านไม่เชื่อก็ลองดู
ก็มีเรื่องเล่าลือว่า มีชาวบ้านพบเห็นผีหัวขาด อยู่ในลานวัด ซึ่งเชื่อว่า นี่คือวิญญาณของกบฏอั้งยี่ ที่มาหลอกหลอนชาวบ้านด้วยความเคียดแค้น จนกลายเป็นตำนานแห่งวัดผีดุประจำจังหวะดลพบุรี
นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
ผู้อำนวยการ ศูนย์ข่าวภาคกลาง หนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ