เมื่อเวลา 19.26 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทอดพระเนตรการแสดงโขนรอบปฐมทัศน์ เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร” ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
ครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึง พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล รองประธานกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประธานอำนวยการโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ฯ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พลอากาศตรี คุณหญิงสุชาดา วรทรัชต์ กรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ฯ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และคณะกรรมการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เฝ้าฯ รับเสด็จ
จากนั้น เสด็จฯ ไปยังหอประชุมใหญ่ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล รองประธานกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ประธานอำนวยการโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เฝ้าฯ กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดแสดงโขน จากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงรำถวายพระพร และการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร” องก์ที่ 1 และองก์ที่ 2 ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้กำกับการแสดง ผู้ประพันธ์บท ผู้แทนผู้เชี่ยวชาญและครูฝึกซ้อมการแสดง ผู้กำกับศิลป์ ฉากและอุปกรณ์การแสดง และผู้แทนนักแสดง เฝ้าฯ รับพระราชทานช่อดอกไม้
ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล และคณะกรรมการดำเนินงานโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เฝ้าฯ น้อมเกล้าฯ ถวายรูปหล่อพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ
ในพุทธศักราช 2567 นับเป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทยอีกวาระหนึ่งที่ได้ร่วมเฉลิมฉลอง 2 โอกาสมหามงคล ได้แก่ การเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จึงได้ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสมหามงคลนี้ ด้วยการจัดการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร” อันเป็นตอนที่แสดงกฤษฎาภินิหารของพระจักราหรือพระนารายณ์ ที่อวตารลงมาเป็นพระราม โอรสของท้าวทศรถ กษัตริย์แห่งกรุงอโยธยาเพื่อปราบฝ่ายอธรรม เปรียบประดุจพระราชวงศ์จักรีที่ผดุงความสุขความสงบให้กับพสกนิกรชาวไทยตลอดมา “พระจักราวตาร” จับตอนตั้งแต่พระอินทร์และเหล่าเทพนิกรพากันไปอัญเชิญพระนารายณ์ ขณะที่ประทับอยู่บนบัลลังก์อนันตนาคราชพร้อมพระลักษมีพระชายา ให้เสด็จลงมาปราบยุคเข็ญ พระนารายณ์จุติลงมาเป็นพระราม และพระลักษมีลงมาเป็นนางสีดา ปฐมเหตุแห่งการต่อสู้ปราบอธรรมคือทศกัณฐ์และพระญาติวงศ์ จากนั้น ได้ดำเนินเรื่องเป็นลำดับตั้งแต่ทศกัณฐ์สั่งให้มารีศแปลงกายเป็นกวางทองเข้าไปล่อลวงพระรามให้ตามกวาง แล้วลักพาตัวนางสีดาขึ้นราชรถเหาะไปยังกรุงลงกา เป็นเหตุให้เกิดสงครามระหว่าง กองทัพพระรามและทศกัณฐ์
นับเป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้จัดการแสดงโขนเพื่อการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม เพื่อให้ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ชื่นชมความงดงามของศิลปะดั้งเดิมของไทยหลากหลายแขนงในการแสดงโขน โดยสิ่งที่เป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินงาน คือพระราชดำรัสเกี่ยวกับการอนุรักษ์ศิลปะแขนงนี้ว่า “ขาดทุนของฉันคือกำไรของแผ่นดิน” นับเป็นความโชคดีของคนไทยและประเทศไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขนอย่างเอาพระทัยใส่ทุกมิติ เป็นการธำรงนาฏศิลป์ อันทรงคุณค่าของชาติให้สืบทอดอยู่อีกนานเท่านาน