รัฐบาลมอสโกจะไม่ “ตื่นตูม” กับการที่สหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลรัสเซียประจำเมืองซานฟรานซิสโก แต่เตรียมการตอบโต้ “อย่างสงบและเป็นมืออาชีพ”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี ถึงการที่รัฐบาลวอชิงตันสั่งปิดสถานกงสุลรัสเซียประจำเมืองซานฟรานซิสโก และอาคารเสริมอีก 2 แห่งในกรุงวอชิงตันและนครนิวยอร์ก ภายในวันเสาร์ที่ 2 ก.ย. นี้ตามเวลาท้องถิ่น ว่าเป็น “เรื่องน่าเสียใจ” และรัฐบาลมอสโกกำลังตรวจสอบรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว ซึ่งจะนำไปสู่ “การตอบสนองอย่างเหมาะสม” ต่อไป
ด้านน.ส.ฮีทเธอร์ เนาเอิร์ต โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่าคำสั่งผิดสถานกงสุลของรัสเซียในเมืองซานฟรานซิสโก ไม่ใช่การเนรเทศเจ้าหน้าที่การทูตประจำสำนักงานแห่งนั้นออกนอกประเทศ หมายความว่าเจ้าหน้าที่การทูตของรัสเซียสามารถย้ายไปปฏิบัติงานยังสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลแห่งอื่นในสหรัฐได้ และอาคารสถานกงสุลยังถือเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลมอสโก
อย่างไรก็ตาม เนาเอิร์ตกล่าวว่าการให้รัสเซียยุติภารกิจการทูตในเมืองซานฟรานซิสโกจะส่งผลให้ทั้งสองประเทศเหลือจำนวนสถานกงสุลเท่ากัน คือ 3 แห่ง นอกเหนือจากสถานเอกอัครราชทูต และมาตรการครั้งนี้คือการตอบโต้มาตรการของรัฐบาลมอสโก ในการลดจำนวนเจ้าหน้าที่การทูตของสหรัฐในรัสเซียให้เหลือ 455 คน ภายในวันที่ 1 ก.ย. นี้ ซึ่งเท่ากับว่ามีเจ้าหน้าที่มากถึง 755 คนต้องออกจากตำแหน่ง โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวในตอนนั้นว่าเป็นการตอบโต้ที่สภาคองเกรสของสหรัฐออกกฎหมายคว่ำบาตรรัสเซียฉบับใหม่.