เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่ หอผู้ป่วยวิกฤตเมฆสวรรค์ และ หอผู้ป่วยวิกฆตบ้านปู2 ชั้น 3 ภายในโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้เข้าร่วมกันตรวจเยี่ยม 2 เด็กนักเรียน โดยการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ ได้มี รศ.นพ.ดิลก ภิยโยทัย ผอ.โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และทีมแพทย์ ของโรงพยาบาลให้การต้อนรับ โดยเด็กนักเรียนทั้ง 1 เป็นนักเรียนของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม หมู่ 5 ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่เกิดเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา จนมีผู้เสียชีวิต 23 ราย และมีนักเรียนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย
โดยรักษาตัวที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ 1 ราย และ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 2 ราย เหตุเกิดเหตุเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
ภายหลังจากที่เข้าเยี่ยมอาการเด็กนักเรียนทั้งสองแล้ว ได้มอบ ผลไม้ และเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเอาไว้ให้พ่อแม่ของน้องทั้งสองได้ใช้จ่ายนอกจากนี้ยังได้เขียนคำอวยพรโดยมีใจความว่า “ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยและน้องๆ หายโดยเร็ววันครับ” พร้อมทั้งได้เขียนโน๊ตแปะที่บอร์ดที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้ที่มาเยี่ยม ก่อนที่จะเดินทางไปตามความคืบหน้า ทางคดีที่ สภ.คูคต ทันที ที่ สภ.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 (รรท.ผบช.ภ.1) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา โสตถิพันธุ์ ผู้บังคับการ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วม กันประชุมความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีรถบัสที่เกิดเพลิงไหม้จนมีผู้เสียชีวิต 23 ราย ซึ่งเป็นรถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม หมู่ 5 ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี โดยมีการประชุมร่วมประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่าเดินทางเข้าเยี่ยมอาการของเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้รถทัวร์ทัศนศึกษา ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับทีมแพทย์ของโรงพยาบาล พร้อมมอบกระเช้าให้กับครอบครัวของน้องๆ และเขียนข้อความให้กำลังใจน้อง ๆ ให้หายบาดเจ็บโดยเร็ว จากนั้นได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกับเหตุเพลิงไหม้ ที่สภ.คูคต
พร้อมทั้งเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สภ.คูคต ได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาไปแล้ว 3 คน ได้แก่คนขับรถทัวร์คันเกิดเหตุ , เจ้าของรถทัวร์(ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถ) , และเจ้าของบริษัทรถทัวร์ และอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการกับกลุ่มบุคคลที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิด เช่น เจ้าของรถทัวร์คันอื่นๆ ที่เข้าข่ายกระทำความผิด, วิศวกร, เจ้าหน้าที่ขนส่งผู้ตรวจสอบรถ, ร้านค้าผู้ประกอบการที่ติดตั้งก๊าซ โดยแต่ละกลุ่มจะเข้าข่ายความผิดฐานใดบ้าง ยังต้องรอผลรายงานการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายสัปดาห์หน้า
จากนั้นก็จะส่งผลให้พนักงานสอบสวนไปประกอบกับพยานหลักฐานต่างๆ แล้วจะให้ระดับกองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด ร่วมกับสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และฝ่ายสอบสวนพิจารณาหลักฐานร่วมกันในรูปแบบคณะทำงานเพื่อให้เกิดความรอบคอบ ว่าแต่ละกลุ่มบุคคลเข้าข่ายกระทำการโดยประมาท หรือจงใจ หรือดำเนินการผิด พ.ร.บ.รถยนต์ฯ , พ.ร.บ.ขนส่งทางบกฯ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ก็จะดำเนินคดีไปตามพฤติการณ์
ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีความคืบหน้าไปกว่า 70% แล้ว และยืนยันจะไม่ให้การสืบสวนสอบสวนมีช่องว่างแม้แต่น้อย และจะไม่ปล่อยให้คดีนี้ออกไปในทิศทางที่ไม่ดีไม่งาม จะต้องตรงไปตรงมา ใครผิดว่าไปตามผิด และต้องดำเนินคดีทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องตามพฤติการณ์ที่ปรากฏ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ขนส่ง ที่จะต้องพิจารณาว่ามีความผิดตามกฎหมายของ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. หรือไม่ ซึ่งจะต้องสรุปผลและส่งรายงานภายใน 30 วัน. ขณะที่อาการของน้องๆ ที่ได้รับบาดเจ็บ ยังคงอยู่ในความดูแลของแพทย์ คาดว่าต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวอีกไม่ต่ำกว่า 1 เดือน และได้พูดคุยกับครอบครัวน้องๆ ยืนยันว่าทางตำรวจจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งนี้ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ออกแถลงการณ์อาการของเด็กหญิงอายุ 14 ปี ว่าบาดแผลไฟไหม้โดยรวมดีขึ้น ตอบสนองการรักษาดี ไม่พบการติดเชื้อหรือปัญหาข้อติดยึด สามารถทำกายบริหารยืดเหยียดข้อไหล่ ข้อศอกได้ และทำกิจกรรมถักเชือกเพิ่มการใช้งานของข้อมือและนิ้วมือ แต่ยังต้องเฝ้าระวังบาดแผลแขนซ้าย ส่วนสภาพจิตใจอารมณ์คงที่ แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ