ในโอกาสที่ “ต๋อย-วิชัย ปุญญะยันต์” ผู้ก่อตั้งวง “พิ้งค์แพนเตอร์” ร่วมด้วยเพื่อนสมาชิก เชิญชวนแฟนเพลงมาร่วมฉลองโอกาสสำคัญครั้งนี้ ในคอนเสิร์ต “พิ้งค์แพนเตอร์ 50 ปี ดนตรีและความฝัน”
ในโอกาสที่ “ต๋อย-วิชัย ปุญญะยันต์” ผู้ก่อตั้งวง “พิ้งค์แพนเตอร์” ร่วมด้วยเพื่อนสมาชิก อาทิ อาจารย์อดุลย์ วงศ์แก้ว, อรรถพร กำภู ณ อยุธยา, มาโนช บินอุมา, สมสรรค์ สมบัติเจริญ, วิชญ ผาติหัตถกร โดยมีเพลงรักอันโด่งดังอย่าง รักฉันนั้นเพื่อเธอ และ รอยเท้าบนผืนทราย ที่อยู่ในความทรงจำของแฟนเพลงมาเนิ่นนาน ซึ่งปีนี้ “ต๋อย-วิชัย โลดแล่นอยู่ในวงการดนตรีครบรอบ 50 ปี แล้วจึงอยากเชิญชวนแฟนเพลงมาร่วมฉลองโอกาสสำคัญครั้งนี้ ในคอนเสิร์ต “พิ้งค์แพนเตอร์ 50 ปี ดนตรีและความฝัน” ที่จะพาแฟนเพลงเพลิดเพลินไปกับเพลงฮิตเพลงดัง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 จนถึงปัจจุบันทีเดียว วันนี้ “วงพิ้งค์แพนเตอร์” ให้เกียรติมานั่งพูดคุยกับ “ฮันนี่บี” ถึงคอนเสิร์ตครั้งนี้ ติดตามได้ในบทสัมภาษณ์เลยค่า
คอนเสิร์ต 50 ปี ดนตรีและความฝันมีที่มาอย่างไร?
ต๋อย-วิชัย : “วงเราจัดคอนเสิร์ตทุกปี แต่ครั้งนี้เป็นปีที่อาต๋อยเข้าสู่อาชีพนักดนตรีครบ 50 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่อายุ 16 ปี อยู่กับวงดนตรี “ซิลเวอร์แซนด์” (Silver Sand) เล่นเพลงฝรั่ง จนมาก่อตั้งวงพิ้งค์แพนเตอร์ เมื่อ 38 ปีที่แล้ว ซึ่งผมเคยเข้ารับพระราชทานรางวัลกีตาร์คอร์ดยอดเยี่ยม จากพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 นับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดในชีวิตของลูกผู้ชายคนนี้ เราจึงอยากรวมช่วงเวลา 50 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นมีความฝันอยากเป็นนักดนตรียืนเล่นกีตาร์บนเวที จนวันนี้ยังคงอยู่ ในคอนเสิร์ตเราจะเล่าถึงชีวิตในแต่ละช่วงปี พ.ศ. ต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งวงได้เล่นเพลงอะไร เจอใครบ้าง จนถึงช่วงปัจจุบันของพวกเราว่าทำงานอะไร พวกเราคงเล่นไปจนกระทั่งล้มหายตายจากกันนั่นแหละ ไม่ชอบฟังคนที่เล่นดนตรีพูดว่าผมไม่ไหวแล้ว เพราะไม่มีใครเล่นดนตรีแล้วตายแน่นอน นอกจากมีปัจจัยอื่น ๆ ของสุขภาพ ฉะนั้นพวกเราไม่เคยคิดเลิกเล่นดนตรี จึงพยายามดูแลสุขภาพ ออกกำลัง ตามวัย 60ปลาย ๆ ให้แข็งแรงเพื่ออยู่ตรงนี้ต่อไปครับ”
“พิ้งค์แพนเตอร์” ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมายวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
ต๋อย-วิชัย : “ทุกวันนี้เรายังอยู่พร้อมหน้า คนที่ตั้งวงด้วยกันมาแรก ๆ บ้างเจ็บป่วยพักไปก็มี จนมีคนรุ่นใหม่มาร่วมทาง เราก็ยังแฮปปี้กันอยู่ แม้แต่ละคนจะมีงานส่วนตัว พูดถึงการผ่านร้อนผ่านหนาว สุขทุกข์หลากหลาย เราจะบอกเล่าผ่านคอนเสิร์ตครั้งนี้ ตั้งแต่สมัยอยู่วงซิลเวอร์แซนด์ ประชันวง “ดิ อิมพอสซิเบิ้ล” มาจน “พิ้งค์แพนเตอร์” ก่อตั้งมา 38 ปี มีเพลง “รักฉันนั้นเพื่อเธอ” ที่โด่งดังทำให้เราประคองวงอยู่ได้จนทุกวันนี้ เพราะวงแบบเราในวัยเดียวกัน แยกย้ายกันเดินตามทางของตัวเองไปหมดแล้ว แม้ความนิยมจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่เราก็ไม่เคยทิ้งดนตรี เพราะดนตรีคือชีวิตของพวกเราจริง ๆ ตอนนี้อาต๋อยก็ยังเป็นนักดนตรีอยู่เบื้องหลัง เขียนเพลง หรือเรียบเรียงเสียงประสาน นั่นเอง”
อะไรที่ทำให้เรายังอยู่ในวงการเพลงแทบจะเป็นวงเดียวที่คงอยู่?
ต๋อย-วิชัย : “เราอยู่กันอย่างครอบครัว คำนี้คำเดียวเข้าใจได้อย่างครอบคลุม เราสนุกสนานทุกครั้งที่ได้มาเจอกัน เรียกว่าแม้แต่ละคนจะทำงานเบื้องหลัง หรือทำงานด้านเอกชนอื่น ๆ ก็ยังหาเวลารวมตัวกันซ้อมดนตรี เล่นดนตรีเสมอ ตลอดเวลาที่ทำงานร่วมกันมาจึงไม่มีเรื่องให้เรามาทะเลาะกันเลยครับ”
ยุคนี้หลายคนถวิลหาบรรยากาศเพลงของยุคเก่ารู้สึกยังไงบ้าง?
ต๋อย-วิชัย : “เรายืนตรงนี้มาก่อน ก่อนที่คนจะมองเห็นความสำคัญ คอนเสิร์ตครั้งนี้ก็เช่นกัน เป็นความร่วมสมัย ภูมิใจที่มีแนวเพลงนี้ คนอาจไม่เคยรู้ว่าผมเคยทำเพลง “รักไม่รู้ดับ” ประกอบโฆษณา มีลูก ๆ หลาน ๆ วัยรุ่นดาวน์โหลดกันใหญ่ แต่ไม่รู้ว่านั่นคือเพลงเก่าที่เราเรียบเรียงใหม่ร่วมสมัย ฉะนั้นคอนเสิร์ตนี้ไม่เฉพาะแค่คนรุ่นพ่อแม่ หรือรุ่นอา ๆ แต่หลาน ๆ ก็มาร่วมรับชมรับฟังกันได้ครับ”
การทำงานร่วมกันเมื่อก่อนจนปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงแค่ไหน?
ต๋อย-วิชัย : “ไม่เลยครับ ยิ่งใกล้คอนเสิร์ตก็เจอกัน อาจารย์อดุลย์ วงศ์แก้ว อยูไกลถึงเชียงใหม่ก็ยังบินมาซ้อมกับเราประจำ เมื่อบอกว่าจะทำคอนเสิร์ต ทุกคนถามเสมอจะมีเมื่อไหร่ เพราะมันมีความสุขเมื่อได้ขึ้นเล่นดนตรีบนเวที เราได้เห็นสายตาผู้ฟังก็มีความสุขมาก เหมือนได้ประกาศว่าพวกเราวง “พิ้งค์แพนเตอร์” ยังอยู่กันตรงนี้นะ คอนเสิร์ตทุกปีคือประเพณี ที่สำคัญวงเราเป็นหนี้บุญคุณผู้สนับสนุนคอนเสิร์ตเสมอที่ยังเชื่อมั่นและเมตตาวงเรา เพราะลำพังขายบัตรคอนเสิร์ตให้ได้หมดเลยคงจะยาก เพราะเราเป็นพรีเซ็นเตอร์อะไรให้ผู้สนับสนุนไม่ได้เลย ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่านจริง ๆ ครับ”
ในสายตาของนักดนตรีรุ่นเก่า มองทิศทางวงการเพลงในปัจจุบันอย่างไรบ้าง?
ต๋อย-วิชัย : “ทุกวันนี้วงการเพลงก็ดีอยู่แล้ว เพราะเด็กรุ่นใหม่มีสื่อในการเรียนรู้ สมัยเราใช้หูฟัง แต่สมัยนี้ตาดู หูฟัง ร่วมกับฝีมือ เหนือกว่าสมัยเราที่ใครดีไม่ดีเห็นชัดเลย แต่ยุคนี้ดีหมด พ่อแม่สนับสนุนเรื่องดนตรี เรายังโชคดีทำเพลงกันได้ ทำงานเบื้องหลังอยู่ เราปรับตัวกันมากน้อยเหมือนกัน ไม่งั้นจะกลายเป็นเต่าล้านปีแน่นอน โดยเฉพาะผมที่ต้องปรับมาก เราเป็นคนคอนเซอร์เวทีไม่ชอบเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ก็ยังต้องหัดเรียนรู้การทำงานกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ถือเป็นวิวัฒนาการทางดนตรีที่ดีที่เราปรับตัวได้ ถ้าคนไม่ปรับตัวเราคงอยู่ตรงนี้ไม่ได้ครับ”
อาจารย์อดุลย์ : “ดนตรีเป็นมากกว่าอาชีพ เพราะดนตรีคือชีวิต คำกล่าวนี้ถูกต้องที่สุด เราเข้าใจประโยคนี้จึงยังคงอยู่ตรงนี้เช่นเดิม แม้วันเวลาจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย และเป็นเรื่องยากที่จะอยู่ไปได้เรื่อย ๆ ก็ตาม แต่เราเป็นวงเดียวที่ยังเหลือเป็นวงเต็มอยู่ในตอนนี้ ก็ดีใจที่ยังได้รับโอกาสในการจัดคอนเสิร์ตนะ วันนี้เลยอยากมาเชิญชวนแฟนเพลง แม้เราจะอายุเยอะแล้วแต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังอยู่ คอนเสิร์ตทีไรก็มีแต่ความสุขได้พบปะแฟนเพลงที่คุ้นหน้าคุ้นตา หรือรุ่นลูกที่พาพ่อแม่มาชม เพราะเพลงในยุคของเรา มีคำที่สละสลวย ภาษาแตกต่างกับเพลงในยุคปัจจุบัน ฉะนั้นอยากให้ลองมาเจอกันในคอนเสิร์ตนี้ครับ”
สุดท้ายฝากถึงแฟนเพลงที่ติดตามผลงานและคอนเสิร์ตครั้งนี้หน่อย?
ต๋อย-วิชัย : “อยากให้ทุกคนมาร่วมรำลึกเพลงเพราะ ๆ แต่ละยุคสมัยที่เราคัดสรรมาในคืนพิเศษของคอนเสิร์ต “พิ้งค์แพนเตอร์ 50 ปี ดนตรีและความฝัน” วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม 2560 เวลา 19.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บัตรราคา 2,500 / 2,000 / 1,500/ 1,000 / 800 / 500 บาท ซื้อบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ โทร. 0-2262-3456 หรือ www.Thaiticketmajor.com รอบเดียวเท่านั้นจริง ๆ ครับ ส่วนใครที่อยากติดตามความเคลื่อนไหวก็ไปที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ “วงพิ้งค์แพนเตอร์ Offfiicial” ได้มีเรื่องราวของวงเราคอยอัพเดทตลอด และขอบคุณแฟนเพลงที่ยังรักและติดตามกันมาจนทุกวันนี้ด้วยนะครับ”
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตของวง “พิ้งค์แพนเตอร์” ที่น่าสนใจจริง ๆ ยังไงแฟนเพลงทั้งรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ที่สนใจ อยากให้ลองไปรับฟังบทเพลงเพราะ ๆ ร่วมสมัยในคอนเสิร์ตสุดพิเศษครั้งนี้กันนะคะ.