วันที่ 28 เดือน กันยายน พ.ศ.2567 ภายใต้การอำนวยการโดย พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม
ชุดจับกุมประกอบด้วย พ.ต.ต.ธวัชชัย ทิพย์วงษ์ สว.สส.สน.เพชรเกษม, จ.ส.ต.เอกยุทธ ปล้องคง ผบ.หมู่ (ป.) สน.เพชรเกษม, จ.ส.ต.ธวัชชัย ละอองชัย ผบ.หมู่ (สส.)ฯ,จ.ส.ต.สมภพ เที่ยงธรรม ผบ.หมู่ (ป.) ฯ, ส.ต.อ.ณัฐพงศ์ พรหมสุข ผบ.หมู่ (สส.)ฯ และ ส.ต.อ.ประทานพร เชษขุนทด ผบ.หมู่ (ป.) ฯ จับกุม น.ส.วันเพ็ญหรือเพ็ญ ยะแสง อายุ 43 ปี
ตามหมายจับของ ศาลอาญาธนบุรี ที่ 852/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ”
จับกุมได้ต.เจดีย์ชัย อ.ปัว จ.น่าน
ในการจับกุมตำรวจชุดจับได้ออกสืบสวนหาข่าวบุคคลตามหมายจับภายในพื้นที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ขณะออกสืบสวนหาข่าวเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ(ไม่ประสงค์ออกนามเพื่อหวังเงินรางวัลนำจับ)ว่า น.ส.วันเพ็ญหรือเพ็ญ ยะแสง ” จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วสั่งการให้สืบสวนจับกุม จากนั้นจึงได้เดินทางไปตรวจสอบเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุดังกล่าวพบ น.ส.วันเพ็ญหรือเพ็ญ ฯ ยะแสง (ผู้ถูกจับ) อยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และทำการสอบถาม จากการสอบถามทราบชื่อคือ น.ส.วันเพ็ญหรือเพ็ญ ยะแสง จริง เจ้าพนักงานตำรวจได้แสดงหมายจับให้ น.ส.วันเพ็ญหรือเพ็ญ ฯ ดู อ่านให้ฟังและให้อ่านด้วยตนเอง ซึ่ง น.ส.วันเพ็ญหรือเพ็ญ ฯ ได้อ่านข้อความในหมายจับและรับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมทั้งสิทธิของผู้ถูกจับกุมให้ทราบอีกครั้งและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
พฤติการณ์ก่อนเกิดเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๖ ผู้เสียหายประสงค์ที่จะลงทุนเพื่อหารายได้จึงได้เข้าในกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ นักธุรกิจ ลงทุน หาหุ้นส่วน นายทุนร้อยล้าน ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่มดังกล่าวเพื่อประสงค์ที่จะลงทุน ต่อมาได้มีบุคคลท่ีใช้เฟซบุ๊กช่ือ พรนภา ปัญญา ทักเข้ามาคุยในเฟซบุ๊กส่วนตัว และได้มีการสนทนากัน โดยบุคคลดังกล่าวบอกว่าเป็นการลงทุนรับซื้อลําใยและเงาะจากชาวสวนและยายปลีกหรือส่ง ผู้เสียหายจึงตัดสินใจที่จะร่วมลงทุนจึงได้เปลี่ยนมาสนทนาผ่านทางไลน์ โดยลงทุนไป เกือบ 4 แสน บาท แต่ไม่ได้เงินปันผลคืน ต่อมาผู้เสียหายจึงได้ให้ผู้ต้องหาคืนเงินท่ีลงทุน ผู้ต้องหาได้ผัดผ่อนเร่ือยมา จนต่อมาเม่ือวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๖ ผู้เสียหายได้เดินทางไปท่ีจังหวัดน่านตามท่ีอยู่ของผู้ต้องหาและได้พบกับผู้ต้องหาผู้ต้องหาจึงรับสารภาพว่าไม่มีการลงทุนตามที่สนทนากันจริงโดยหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินไปให้แล้วนําเงินที่หลอกจากผู้เสียหายไปใช้หนี้ให้คนอื่นเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์มอบคดีให้พนักงานสอบสวนดําเนินคดีกับผู้ต้องหาให้ถึงที่สุด
จากการตรวจสอบพบว่า ยังมีหมายจับของสน.ทองหล่ออีก 1 หมายจับ ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่โดนหลอกแบบเดียวกัน ความเสียหายเกือบแสน