เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 สิงหาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 พ.ต.ต วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงข่าวกรณีเจ้าหนาที่ตำรวจจับกุมนายภูดิศ กิตติธราดิลก กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท “เดอะ ซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด” และ “บริษัท อินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด” ซึ่งเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชน ว่า นายภูดิศ เป็นผู้ต้องหาในคดีพิเศษ เนื่องจากเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม2558 มีผู้เสียหายมาร้องเรียนว่าถูกนายภูดิศ หลอกลวงโดยการประกาศโฆษณาชักชวน ผ่านทางสื่อโซเซี่ยลมีเดีย ต่างๆ อาทิ แอปพลิเคชันไลน์ หรือเฟซบุ๊กให้ร่วมลงทุนซื้อแพ็คเกจคอร์สสัมมนา เป็นหลักสูตรความรู้ทางการเงินฯกับ บริษัท “เดอะ ซิสเต็ม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด” และ “บริษัท อินโนวิชั่น โฮลดิ้ง จำกัด” ซึ่งมีนายภูดิศ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ซึ่งอ้างว่าจะนำเงินลงทุนของผู้เสียหาย ไปลงทุนในตลาดการซื้อขายเงินตราโดยตกลงจะจ่ายผลตอบแทนการลงทุนในอัตรา ร้อยละ 7 ต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 52 สัปดาห์ หรือ 1 ปี
พ.ต.ท.พเยาว์ ยังกล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่าระหว่างเดือน สิงหาคม 58 – กันยายน59 นายภูดิศ ได้ชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนใน 5 แพ็คเกจ และหากผู้ลงทุนคนใดสามารถแนะนำบุคคลอื่นให้มาร่วมลงทุนด้วยก็จะได้รับเงินตอบแทนค่าแนะนำตามลำดับชั้น ปรากฏว่าได้มีผู้เสียหายจำนวนมาก ตอนนี้พบว่ามีผู้เสียหาย ประมาณ 4,000 ราย ที่หลงเชื่อและโอนเงินร่วมลงทุน ซึ่งในช่วงแรกๆ ผู้เสียหายก็ได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนด แต่ภายหลังพบว่าผู้เสียหายเริ่มไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ตกลง จนกระทั่งที่สุด บริษัทฯ ดังกล่าว ซึ่งได้เช่าอาคารฟอรั่ม ทาวเวอร์ ชั้น 3 ละ 34 ถนนรัชดาภิเษก แขวง – เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งสำนักงานนั้นได้ปิดกิจการลง และ นายภูดิศ กิตติธราดิลก ก็ได้หลบหนีไป ทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาท และจากการสืบสวนทราบนายภูดิศ เดินทางออกจากประเทศไทย เมื่อช่วงเดือน เมษายน 2558 และเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 เวลา 18.17 น. นายภูดิศ กิตติธราดิลก ได้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ จึงถูกจับกุมตัวได้ที่สนามบินดอนเมือง ตามหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจห้วยขวาง และเมื่อวันที่21 กรกฎาคม ที่ผ่านมาพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ จึงได้อนุมัติให้รับกรณีดังกล่าวไว้สอบสวนเป็น คดีพิเศษ ดังนั้นหลังจากนี้ดีเอสไอจะรับโอนสำนวนและผู้ต้องหามาอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ
พ.ต.ท.พเยาว์ ยังกล่าวว่า ทั้งนี้ในส่วนของผู้เสียหายที่เคยมาร้องกับดีเอสไอแล้ว จะมีการสอบปากคำเก็บข้อมูล ตอนนี้ประมาณ 2,000 ราย โดยดีเอสไอได้พัฒนา ระบบงานสอบสวนในคดีแชร์ลูกโซ่ให้รวดเร็ว โดยจะมีแบบฟรอม์การสอบปากคำ โดยให้ผู้เสียหายกรอกใบแบบของเอกสารออนไลน์ ดาวน์โหลด เมื่อกรอกเสร็จข้อมูลจะถูกจัดไว้ที่สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 เมื่อเสียหายสะดวกเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนวันไหนก็แจ้งชื่อเพื่อพิมพ์เอกสารที่กรอกให้เซ็นเป็นคำให้การได้ทันที สะดวกรวดเร็ว เพราะคดีลักษณะดังกล่าวมีผู้เสียหายค่อยข้างมาก ส่วนใครไม่ะสะดวกดีเอสไอก็มีโปรแกรมเดินทางไปรับเรื่องในแต่ภาคซึ่งจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง อย่่างไรก็ตามหากผู้เสียหายรายใดสะดวกให้เดินทางมาที่ดีเอสไอ อาคารศูนย์ราชการบี ชั้น 8 สำนนักคดีอาญาพิเศษ1 เพื่อให้ข้อมูลกับดีเอสไอได้ตั้งแต่วันอังคาร 14 ส.ค. เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวดีเอสไอได้สาธิตการใช้แอพพิเคชั่นการตรวจสอบว่าธุรกิจใดเสี่ยงหรือเข้าช่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ซึ่งสามารถดาวน์โหลด มาใช่ได้แล้วในระบบแอนดรอยด์