วันที่ 26 กันยายน 2567 ณ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลพบุรี อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประชุมและตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และแผนการดำเนินการต่อเนื่องในปี 2568 ของจังหวัดลพบุรี เพื่อรับทราบผลการดำเนินงาน ปัญหา และอุปสรรคในปีที่ผ่านมา โดยมีว่าที่ร้อยตรีทรงพล แป้นแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับจังหวัดลพบุรี พร้อมนางสาวอาภากร ว่องเขตกร ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายประเสริฐ เด่นขจรเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานลพบุรี และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพฯ เข้าร่วมประชุมสรุปผลการดำเนินงาน พร้อมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจนักเรียนที่จบการฝึกอบรมและทำงานในบริษัท ศรีสมบูรณ์ธุรกิจเซ็นเตอร์ จำกัด จำนวน 2 ราย
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการประชุมและตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของจังหวัดลพบุรี เพื่อให้กำลังใจและขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับทราบผลการดำเนินงาน ปัญหา และอุปสรรคในปี 2567 รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการ ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งจากสถิติข้อมูลผลการดำเนินงานตามโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพของทั่วประเทศ (76 จังหวัด) ปี พ.ศ. 2563-2567 มีนักเรียนที่สนใจเข้าฝึกอบรมโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพฯ จำนวน กว่า 6,000 คน และมีงานทำแล้วกว่าร้อยละ 70 ปัจจุบันโครงการนี้ดำเนินการต่อเนื่องมาแล้ว 5 ปี และเข้าสู่ปีที่ 6 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในส่วนของจังหวัดลพบุรีที่ผ่านมามีนักเรียนจบการฝึกอบรม จำนวน 15 คน ได้เข้าทำงานในสถานประกอบกิจการต่าง ๆ โดยมีสำนักงานจัดหางานจังหวัดลพบุรี จัดหาตำแหน่งงานว่างรองรับ
ด้านนางสาวอาภากร ว่องเขตกร ผู้ตรวจราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเสริมว่าขณะนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้จัดทำวีดิทัศน์เพื่อสร้างแรงจูงให้กับเด็กนักเรียนกลุ่มเป้าหมายได้เห็นประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพฯ และเตรียมเผยแพร่ทั่วประเทศในเร็วๆ นี้ โดยทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะขอความร่วมมือจากกรมประชาสัมพันธ์ช่วยในการเผยแพร่โครงการอีกช่องทางหนึ่ง
สำหรับ สิ่งที่นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ นี้จะได้รับนอกจากจบแล้วมีงานทำแน่นอน ยังได้รับสิทธิพิเศษอีกหลายอย่าง อาทิ เรียนฟรี พักฟรี กินฟรี มีรายได้ช่วยเหลือครอบครัวที่มากกว่าแรงงานขั้นต่ำ สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ปรับเพิ่มเงินอุดหนุนในส่วนของค่าอาหารจากเดิมวันละ 120 บาท เป็น 240 บาทต่อคน/วัน และในช่วงระหว่างเรียนยังได้การสนับสนุนเงินช่วยเหลือประเภทต่าง ๆ เช่น เงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและไร้ที่พึ่ง เงินสงเคราะห์กองทุนคุ้มครองเด็ก เงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพ หรือเงินสงเคราะห์อื่น แก่นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย คนละ 6,000 – 8,000 บาท ที่สำคัญ คือ หลังฝึกอบรมจบแล้วได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองในสายอาชีพซึ่งเป็นการพัฒนาจากแรงงานไร้ฝีมือ กลายเป็นแรงงานที่มีฝีมือ ส่วนเด็กคนไหนอยากจะมีกิจการเป็นของตนเองจะมีการประสานภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการให้มามีส่วนร่วมในการสนับสนุนอุปกรณ์และเครื่องมือ อันจะเห็นได้ว่าเด็กที่เข้าร่วมอบรมในโครงการนี้ จบไปแล้วจะเป็นแรงงานที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
นันท์นภัส วงศ์ใหญ่
ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวภาคกลางหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ