เซเว่น อีเลฟเว่น จับมือ กรมการค้าภายใน จัดสัมมนาธุรกิจเอสเอ็มอี-ค้าปลีก “สร้างธุรกิจ อย่างคิดต่าง”
เซเว่น อีเลฟเว่น ร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์, สมาคมการค้าปลีกและเอสเอ็มอีทุนไทย และหอการค้าจังหวัดลำปาง จัดงานสัมมนาพิเศษถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการรายย่อยปีที่ 10 โดยมี นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน และได้รับความสนใจจากเจ้าของร้านค้าปลีกและเอสเอ็มอีในจังหวัดลำปางและจังหวัดใกล้เคียงในภาคเหนือเข้าร่วมฟังกว่า 200 คน
นายธานินทร์ บูรณมานิต กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านอิ่มสะดวกของคนไทย กล่าวว่า เซเว่น อีเลฟเว่น ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการศึกษา พัฒนาองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีและร้านค้าปลีก โดยร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และสมาคมการค้าปลีกและเอสเอ็มอีทุนไทย จัดงานสัมมนา “ทำโชห่วยให้รวยอย่างยั่งยืน” มาอย่างต่อเนื่องทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการรายย่อย, เจ้าของร้านค้าปลีกและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมสัมมนาแล้วกว่า 7,500 คน ทั่วประเทศ และเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจรายย่อยหรือเอสเอ็มอี จึงได้จัดงานสัมมนาพิเศษถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการรายย่อยปีที่ 10 “สร้างธุรกิจ อย่างคิดต่าง” โดยเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำธุรกิจจากเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีตัวจริงที่ประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งเป็นการแบ่งปันความรู้ในการบริหารงานด้านค้าปลีกจากวิทยากรที่มากประสบการณ์เพื่อให้ผู้ร่วมงานทุกท่านสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำธุรกิจยุค 4.0
ภายในงานมีเสวนาพิเศษหัวข้อ “สร้างธุรกิจSME ยุค 4.0” โดย นายวีระ ตั้งวุทฒิไกรวิทย์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ขนมหวานวุ้นมะพร้าว “แม่ละมาย” และ นางสาวพิมพ์มาดา พัฒนปรัชญาพงศ์ เจ้าของธุรกิจคางกุ้งทอดกรอบ “โอคุสโน่-OKUSNO” ร่วมเสวนา และการบรรยายพิเศษ “ถอดรหัสค้าปลีกเซเว่น อีเลฟเว่น” โดย ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล ประธานผู้บริหารทรัพยากรบุคคล เครือเจริญโภคภัณฑ์, รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด
นายวีระ ตั้งวุทฒิไกรวิทย์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ขนมหวานวุ้นมะพร้าว “แม่ละมาย” ได้แบ่งปันประสบการณ์ในการทำธุรกิจจากล้มละลายกลับกลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจร้อยล้านว่า “การทำธุรกิจอย่าทำอย่างโดดเดี่ยว เราควรหาเพื่อน หาพันธมิตรที่ดี เพราะเราจะได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ คุณพ่อผมสอนเสมอว่า ในการทำธุรกิจอะไรก็ตามนั้น ทุกคนคือเพื่อน ไม่ใช่คู่แข่ง เส้นทางการทำงานคือการสร้างเพื่อน ธุรกิจของผมล้มเมื่อตอนเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่ถ้าเราล้มแล้วเราไม่ลุก เราก็จะโดนคนข้ามไปเรื่อยๆ และจากความผิดพลาดที่ผ่านมา ผมกลับมองว่ามันเป็นประสบการณ์เป็นบทเรียนที่เราต้องนำมาวิเคราะห์ให้ดี ตีให้แตก และเรามาเริ่มต้นใหม่โดยอาศัยประสบการณ์ ณ ตรงนั้นมาเป็นโจทย์ในการแก้ปัญหา ผมเชื่อว่าบางคนไม่อยากยอมแพ้ แต่แค่หาทางออกไม่เจอ บางครั้งเราจำเป็นต้องลดเป้าหมายของเราลงบ้าง และเมื่อเราลุกจากการล้ม เราเริ่มคลานได้ เริ่มเดินได้ ให้มองขึ้นไปข้างบนเพื่อหาจุดที่ประสบความสำเร็จ และเมื่อเราท้อให้มองลงมาด้านล่างไว้เพื่อพลักดันตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้า
นอกจากนี้ ยังให้ข้อคิดดีๆในการทำธุรกิจไว้ว่า ถ้าเราจะทำอะไรเราต้องทำให้สุดๆ สิ่งที่ยากที่สุดในการทำงานคือ “ความท้าทาย” เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน ต้องพิสูจน์ตัวเองในหลายๆอย่างและใช้หลักของความขยัน อดทน วิเคราะห์ สังเกตุ มาให้ในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
อีกหนึ่งวิทยากรที่ร่วมเสวนา “นางสาวพิมพ์มาดา พัฒนปรัชญาพงศ์” เจ้าของธุรกิจคางกุ้งทอดกรอบ “โอคุสโน่-OKUSNO” เจ้าของธุรกิจในวัยเพียง 28 ปี เผยถึงเทคนิคเคล็ดลับในการทำธุรกิจ ว่า “เราต้อง ยอมรับและปรับตัว ถ้าเราทำอะไรผิดเราต้องยอมรับความจริง ต้องยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและต้องหาวิธีการแก้ปัญหา หากเราทำได้ก็จะสามารถเดินหน้าไปได้เสมอ นอกจากนี้อยากให้เอสเอ็มอีรายใหม่ๆคิดค้นทดลองหาสินค้า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่แตกต่างไม่เหมือนคนอื่น เพราะเพียงแค่ความต่างเพียงนิดเดียว ก็จะสามารถทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างไม่น่าเชื่อ และบวกกับการที่เราคิดต่าง และเป็นเจ้าแรก มันจะเกิดความภาคภูมิใจในสิ่งที่เราทำ สุดท้ายคืออยากฝากให้ทุกคนได้ลองหาสิ่งใหม่ๆที่เมืองไทยยังไม่มีแล้วทำให้คนต่างชาติเขารู้สึก ว้าววว ยูคิดได้ยังไง
นอกจากนี้ เธอยังได้ฝากถึงผู้สนใจทำธุรกิจว่า “สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจในการเริ่มทำธุรกิจ ควรจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า “คุณชอบความเสี่ยงหรือเปล่า เพราะธุรกิจมันตั้งอยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลา ธุรกิจของเราสามารถโตได้ใน 7 วัน และสามารถล้มได้ใน 7 วันเช่นกัน แต่ถ้าหากคำตอบของคุณคือ ไม่ชอบความเสี่ยง ก็แนะนำให้หางานประจำที่มีสวัสดิการมีความมั่นคง แต่ถ้าคุณยอมรับความเสี่ยงได้และชอบความเสี่ยง ชอบความท้าทาย ขอแนะนำให้ทำธุรกิจ เพราะทุกครั้ง ทุกก้าวที่คุณตัดสินใจทำอะไรก็ตามมันจะอยู่บนความเสี่ยงเสมอ สำหรับการเริ่มต้นการทำธุรกิจของวัยรุ่น คือ อยากให้มีความอดทน และพร้อมฝ่าฟันอุปสรรคที่เข้ามา “ความรู้ที่น่ากลัวที่สุดคือคำว่า รู้แล้ว เพราะความรู้มันไม่มีที่สิ้นสุด เราควรทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วเสมอ”
“การสร้างธุรกิจ อย่างคิดต่าง” ถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ผู้ประกอบการยุค 4.0 สามารถนำมาปรับใช้ เพียงแค่เลือกที่จะกระโดดข้ามผ่านกรอบความคิดเดิมๆ ทดลองค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์และทำให้โดนใจผู้บริโภค และไม่ลืมที่จะหยิบประสบการณ์ที่ผิดพลาดในอดีตมาวิเคราะห์และแก้ปัญหา เชื่อว่าอีกไม่นานเมืองไทยคงมีเถ้าแก่ร้อยล้านเกิดขึ้นอีกมากมาย