เมื่อวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2567 เวลาประมาณ 11.00 น. ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว โดยชุดปฏิบัติการที่ 3 ได้ร่วมกันจับกุมนายสราวุฒิ (สงวนนามสกุล) กรรมการบริษัท เอสเอ็ม ออโต เซลส์ แอนด์จำกัด ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 932/2567 ลงวันที่ 6 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 และประมวลกฎหมายอาญา โดยเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านพักใน ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และรวมถึงแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบแล้ว และได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบสำนวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 84/2565 ของสำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ซึ่งมี พันตำรวจโท ชลภัทร ปานสกุณ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบ โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์เป็นกรรมการของบริษัท เอสเอ็ม ออโต เซลส์ แอนด์จำกัด ได้ร่วมกันนำเข้ารถหรู จำนวน 71 คัน จากสหราชอาณาจักรเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยร่วมกันสำแดงราคาซื้อขายรถยนต์ที่นำเข้าดังกล่าวเป็นความเท็จ ต่ำกว่าราคาซื้อขายที่แท้จริงเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าใจว่าเป็นราคาซื้อขายที่แท้จริง จึงมีการคำนวณภาษีอากรสำหรับรถยนต์ดังกล่าวผิดไปทำให้รัฐได้รับความเสียหายโดยภาษีอากรขาดรวมทั้งสิ้น จำนวน 222,862,661.19 บาท
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชา จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป