วันก่อนมีโอกาสได้ไปร่วมงานบวงสรวงที่ วัดป่าเลไลยก์ จังหวัดสุพรรณบุรี แอบเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาสะสวย แถมหุ่นดี กำลังแนะนำ “วัตถุมงคล” ให้กับชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน คนสิงค์โปร์ และเป็นคนไทยส่วนหนึ่งที่สนใจในเครื่องลางของขลัง เราจึงขออนุญาตร่วมพูดคุยกับอาจารย์ท่านนี้ จึงทราบมาว่าท่านชื่อ อาจารย์พิมพ์ เศรษฐีมหาลาภ เป็นศิษย์คนสนิทของ อาจารย์ทรัพย์ มุนีเทพ อาจารย์สายเวทย์ชื่อดังเจ้าของ เรือนเทวะพระมุนี อ.ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
เราเริ่มเปิดคำถามแรกให้อาจารย์พิมพ์ เล่าถึงภูมิหลังของตัวเองว่าเป็นใครมาจากไหน ไปทำความรู้จักกับอาจารย์ท่านนี้กันค่ะ!!!
“ชื่อจริงคือ มู่-พิมพ์ณัฐชยา เคยเป็นนางแบบอาชีพ และทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ คุณพ่อ รับราชการ คุณแม่เป็นแม่บ้าน อาจารย์เป็นลูกคนโตในจำนวนลูก ๆ ทั้งหมด 3 คน เรียนจบปริญญาตรี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ อยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
สมัยเด็ก ปู่กับย่าเป็น หมอยาโบราณ พ่อเป็นหมอครู จึงได้วิชามาจากปู่ย่าและพ่อ อายุ 20ปี ได้เรียนวิชาอาคมกับหมออิสลาม อาจารย์ หมอลี สอนวิชาทางเสน่ห์ และยังได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคม กับ อาจารย์นาม อาจารย์ชื่อดังแห่งสระบุรี ตอนอายุ25 ได้มากราบ หลวงพ่อแปง และได้ตามน้องเณร (อาจารย์ทรัพย์ มุนีเทพ) และพี่ชาย (อาจารย์เหน่ง พอกลายทอง) และน้องชายคาราวาส (อาจารย์บัวทอง) ออกเรียนวิชาหลายจังหวัด กับอาจารย์ดังๆ หลายท่าน เช่น ครูบาแบ่ง แห่งวัดโตนด ได้ศึกษาวิชาเทวะนาคี วิชาสาริกามหาเสน่ห์ และศึกษาวิชาอาคมต่างๆ จากอาจารย์สายพระเวทย์ ฤาษีจี้กง หรือ ฤาษีชู และครูบาอาจารย์อีกหลายท่าน หมอครูธรรมแห่งภาคอีสาน ยกขันครูเรียนวิชาทางเสน่ห์ กับ หลวงปู่อุดมทรัพย์ เรียนคาพะยะ กับ พ่อทองสุข แสงสุรินทร์ เรียนสักกับ พระอาจารย์ศักดา วัดขนอนใต้ ยกขันครูกับ อาจารย์ทรัพย์ และอุทิศตัวเป็นศิษย์ “เรือนเทวะพระมุนี”
นอกจากนี้ยังมีอาจารย์บัวทอง อาจารย์หนานอ๊อด และ อาจารย์แคร์ คอยสอนวิชามนต์ต่างๆ และยังศึกษาวิชาทางพม่าและทางเหนือ กับ พ่อหนานอินสม วิชาสักยาแดง และวิชาทำเทียนเสริมดวงชะตา ส่วนวิชาโหราศาสตร์ก็เรียนกับสมาคมโหราศาสตร์ไทย และวิชาเส้นลายมือกับ ท่านอาจารย์ดร.ประกาย ณ สงขลา และล่าสุดได้ทบทวนวิชาต่างๆ กับน้องชาย ซึ่งได้สึกจากพระมาเป็นคาราวาส และถ่ายทอดวิชาเสริมดวง ตัดกรรม วิชาเสน่ห์ขั้นสูงให้เพิ่มเติม ซึ่งอาจารย์พิมพ์ ก็ได้เปิดสำนักของตัวเองอยู่ที่ บางแสน จังหวัดชลบุรี”
เธอเล่าย้อนไปในวัยเด็ก และการเดินทางเข้าสู่วงการบันเทิงอีกว่า
“ตอนเด็กๆ บ้านยากจน จึงทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินเรียนและส่งน้องๆ พ่อรับราชการทำงานคนเดียวเลยช่วยแบ่งเบาภาระพ่อ เริ่มจากไปล้างจาน หลังจากนั้นได้เข้าสู่วงการ เพราะบ้านอยู่ไกล้กันตนา ได้รู้จัก พี่แขก พี่สันต์ ซึ่งเป็นโมเดลลี่งพาไปเป็นตัวประกอบและต่อมา พี่ต๊ะ นิรัตติศัย กับ พี่โอ๋ ฐาปกรณ์ ก็ได้ให้โอกาศมีบทบาทในการแสดงเยอะขึ้น ในสมัยนั้นพี่อ๊อดกับป๊ะแดง ธรรมชาติ ผู้กำกับฯ ให้ความเมตตาให้งานตลอด ต่อมาได้มีคนชักจูงประกวดนางแบบที่บ้านมนังคศิลา ถึงไม่ได้ตำแหน่ง แต่ทำให้ชีวิตเปิดกว้าง ได้รู้จักคนเยอะขึ้น ได้มีโอกาศทำงานด้านแฟชั่นและโฆษณา
ในสมัยนั้นถือว่าเป็นสาวที่ขาสวยที่สุด เพราะประกวด มิสเชอรี่ร่อน ได้อันดับที่ 1 ถ่ายโฆษณาฮีรูดอยส์ และอีกมากมาย ได้เดินแฟชั่นถึงประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย เดินของแบรนด์ชั้นนำมากมาย ทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น KenZo และยังมีอีกหลายแบรนด์ในไทย เครือไทยแลนด์เบส ทั้งหมดจะได้ถ่ายและเดินแฟชั่นตลอด 8 ปี โดยพี่หนุ่มเป็นบอสใหญ่ตอนนั้น เดินแฟชั่นทุกห้างในเมืองไทย Robinson, The Mall, Central โดยงานต่างๆ จะผ่านซับของห้าง หรือผู้จัดการฝ่ายการตลาดของห้างนั้นๆ เดินแบบชุดวิวาห์ประจำที่ช่อง 5 ของนิรันดร์รัตน์ ธรรมรัตน์ เป็นนางแบบประจำของ ยูนิไบร์ เดินแฟชั่นตั้งแต่สมัยเรียน สมัยนั้นจะเดินกับ นาตาชา คอฟแมน, นาตาชาเ ปลี่ยนวิถี, คาร่า พลสิทธิ์, พอลรีน เรือนเพชร และนางแบบอีกหลายๆ ท่าน
ต่อมาได้ร่วมงานกับ พี่ตือ ได้เดินแฟชั่นในเครื่องของ พี่ตือ ซึ่งก็มี รุ่นน้อง ที่มีชื่อเสียง เช่น ตุ๊ก ชนกวนัน, โอเด็ต , ออแกน, โย ยศวดี, ลูกหมี รัศมี และอยู่ในวงการแฟชั่นมาเกือบ20 ปี จนเดินกับน้องๆ รุ่นสุดท้าย จนเรียนจบปริญญาโท เลยคิดอยากทำอาชีพที่มั่นคง เลยไปทำงานประจำ ทำได้ 3 เดือนรู้ตัวว่า เราเป็นเจ้านายตัวเองจนชินแล้ว เลยออกมาเปิดร้านเล็กๆ ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ จากร้านเล็กๆ กลายเป็นโรงงานใหญ่โต และสุดท้ายกลายเป็นงานก่อสร้าง จากสร้างร้านเล็กๆ จนปัจจุบันผลงานล่าสุดสร้างบ้าน 4 ชั้น ให้ลูกค้าใจกลางกรุงเทพฯ ชีวิตพลิกไปพลิกมา แบบไม่เข้าใจตัวเอง ปกติจะเป็นคนที่ทำอะไรจะทำเต็มที่ ทุ่มเทกับงานที่สุด ในทุกๆงาน จึงออกมาดี ในอาชีพของนางแบบก็ได้รับทำออแกไนซ์เอง จัดงานเอง พอมาทำงานช่างก็ทำเองทุกขั้นตอน ชีวิตไม่เคยมองใครทำงาน จะทำด้วยตัวเองทุกงาน
ปัจจุบันพลิกชีวิตตัวเองมาเป็น อาจารย์สายเวทย์ สวดมนต์ ทำพิธีกรรม สักยันต์ ทำจริงศึกษาจริง และตั้งตัวอยู่บนศีลธรรมที่ดี ให้คนได้ยกมือไหว้อย่างภาคภูมิใจ เพราะเราเป็นผู้ให้เสมอ ไม่เคยคิดเอาเปรียบใคร เป็นห่วงทุกคน และมีความหวังดีกับทุกคน จึงเป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ และลูกศิษย์ทั้งชาวไทยและต่างชาติ”