วันที่ 7 ส.ค.2567 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาปรึกษาหารือและลงมติ ในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค
และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง
ตามพ.ร.ปว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง จากเหตุมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ(2)
ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ที่ระบุว่าเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ…. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่ง สส.พรรคก้าวไกล 44 คน เข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2564 และใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดการกระทำนั้น
คดีนี้ประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัย คือการเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการกระทำล้มล้างการปกครองฯ และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) หรือไม่
คดีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาพิจารณากว่า 5 เดือน นับแต่มีคำสั่งรับคำร้องจาก กกต.ไว้พิจารณาวินิจฉัยเมื่อวันที่ 3 เม.ย.67 โดยศาลไม่เปิดการไต่สวนตามที่พรรคก้าวไกลพยายามร้องขอ แต่ใช้วิธีรวบรวมพยานหลักฐาน โดยให้ผู้เกี่ยวข้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และศาลได้ให้คู่กรณีพยานหลักฐานเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ก่อนที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 17 ก.ค. เห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายมีพยานหลักฐานเพียงพอให้วินิจฉัยได้ จึงสั่งยุติการไต่สวน แล้วให้โอกาสคู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันที่ 24 ก.ค.นั้น
ต่อมาเวลา 15.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย โดยคู่ความไปฟังศาลอ่านคำวินิจฉัย ซึ่งมี นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะตัวแทนพรรคก้าวไกล เข้าฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
โดย ศาลรัฐธรรมนูญต้องสั่งยุบพรรคโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กรณีนี้จึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องกระทำการตามมาตรา 92 อันเป็นเหตุให้พรรคผู้ถูกร้องยุบพรรค ตามพรป.พรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคหนึ่ง อนุ 1 และอนุ 2 และเพิกถินสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง กก.บห. 25 มี.ค.2564- 31 ม.ค.2567 มีกำหนด 10 ปีนับแต่ศาลมีคำสั่งยุบพรรค ห้ามมิให้ผู้ดำรงตำแหน่งกก.บห. ไปจดทะเบียนพรรคขึ้นใหม่ หรือเป็นกก.บห. หรือมีส่วนร่วมพรรคขึ้นใหม่อีกภายใน 10 ปี นับแต่ศาลมีคำสั่งตามมาตรา 94 วรรคสอง