เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ส.ค.2567 ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.อาวุธ อุดมรัตน์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.ต.ณัฐดนัย บำรุงศรี สว.งานสายตรวจ2 พร้อมงานสายตรวจ และ ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าช่องทางออนไลน์
พล.ต.ท.นิรันดร เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูลจากสายลับว่ามีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์ใช้ชื่อว่า “33VAPE” จึงใช้ระยะเวลากว่า 1 เดือนสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้บ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นซอยชานเมือง 10 แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ เปิดเป็นสถานที่เก็บและลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ส่วนควบ จำหน่ายให้ลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์และกระจายให้กับผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่กรุงเทพฯ
ต่อมาวันที่ 5 ส.ค.เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าติดตามจนพบนายภควัต อายุ 23 ปี นำกระสอบสีรุ้งใบใหญ่มาส่งมอบให้กับรถจักรยานยนต์รับจ้างที่มาจอดบริเวณหน้าบ้านเพื่อรับของ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมตรวจค้นภายในกล่อง พบของกลางเป็นพัสดุและอุปกรณ์เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก และยอมรับด้วยว่ายังมีอุปกรณ์ต่างๆอยู่ในบ้านอีกจำนวนมาก จากนั้นนายภควัตได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในบ้าน พบ น.ส.ภัคจิรา อายุ 41 ปี พี่สาว ซึ่งเป็นผู้ดูแลนำตรวจค้นตั้งแต่ชั้นล่างถึงชั้น 2
จากการตรวจค้นพบหัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 11,261 หัว น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 5,611 ขวด บุหรี่ไฟฟ้าแบบสูบแล้วทิ้ง 2750 ชิ้น เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 454 เครื่อง คอยด์ 4,431 ชิ้นและเครื่องชาร์จจำนวน 37 เครื่อง รวม 24,544 ชิ้น มูลค่ารวมประมาณ 5 ล้านบาท จึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 246 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 ต่อไป
สำหรับการตรวจยึดของกลางในครั้งนี้จัดได้ว่ามากที่สุดในปีนี้ ส่วนบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่จำหน่ายถูกกฎหมาย หลังจากนี้จะขยายผลเพิ่มเติมไปยังผู้สั่งการต่อไป หากประชาชนพบเบาะแสการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1599 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สอบสวนผู้ต้องหา อ้างว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายอาร์มให้ช่วยกันแพ็กบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ส่งจำหน่ายให้กับลูกค้า ส่งให้ไลน์แมน ไรเดอร์ ศูนย์รับส่งพัสดุ ได้ค่าจ้างเป็นเงินเดือนๆละ 15,000 บาท ส่วนโกดังแห่งนี้เปิดดำเนินการมาแล้วประมาณ 2 ปี มีทั้งการสินค้าเข้าและจำหน่ายออก ถือเป็นเจ้าใหญ่ระดับต้นๆในกทม
ด้านดร.ธนกฤต กล่าวว่า ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ร่วมขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าของรัฐบาลอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนตกเป็นเหยื่อของบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันพบว่าผู้ผลิตได้พัฒนารูปแบบบุหรี่ไฟฟ้าให้ไม่มีกลิ่นรบกวนรอบข้าง และทำบรรจุภัณฑ์ให้เป็นรูปตัวการ์ตูน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่คือเยาวชน ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นให้พัฒนาไปใช้สารเสพติดในรูปแบบอื่นเช่น เคตามีนได้
อีกทั้งปัจจุบันยังพบการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแพร่หลายตามสถานบริการ สถานศึกษา ซึ่งได้ประสานงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการสร้างความตระหนักรู้ให้กับครูในโรงเรียนเพื่อตรวจสอบบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างร่างกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้อำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานมีความชัดเจน ซึ่งการปรับแก้กฎหมายจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น