รัฐบาลอิตาลีอาจปิดชายฝั่งไม่ให้เรือช่วยเหลือผู้อพยพเข้าจอดเทียบท่า หากสหภาพยุโรปยังไม่เร่งแก้ไขวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการจัดสรรโควต้าผู้อพยพให้เป็นธรรมมากกว่านี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ว่านายมาร์โก มินนิตี รมว.กระทรวงมหาดไทยของอิตาลี กล่าวหลังประชุมร่วมกับนายโธมัส เดอ ไมเซียเร รมว.กระทรวงมหาดไทยมหาดไทยเยอรมนี และนายเจราร์ กอลลอมบ์ รมว.กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส ที่กรุงปารีส เมื่อวันอาทิตย์ ว่าสถากนารณ์ผู้อพยพทางเรือในปีนี้รุนแรงและเลวร้ายขึ้นอย่างมาก โดยสถิติเรือผู้อพยพขึ้นฝั่งที่อิตาลีในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเกือบ 19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
แม้เรือของนานาชาติทั้งจากสหภาพยุโรป ( อียู ) และองค์กรไม่แสวงผลกำไร ( เอ็นจีโอ ) อีกหลายแห่ง ร่วมกันให้ความช่วยเหลือผู้อพยพทางเรืออย่างเต็มที่ แต่การลากจูงเรือทั้งหมดให้มาขึ้นฝั่งที่อิตาลีเพียงประเทศเดียวนั้น “ไม่เป็นธรรม” และสร้างแรงกดดันมหาศาลให้แก่รัฐบาลโรม เนื่องจากกฎของอียูระบุว่าผู้อพยพต้องยื่นเรื่องขอสถานะผู้ลี้ภัยกับรัฐบาลของประเทศแรกที่เดินทางมาถึง ขณะที่เดอ ไมเซียเร และกอลลอมบ์ ยืนยันว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องมีการ “ตอบสนองร่วมกัน” ต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอิตาลี
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเปาโล เจติโลนี ผู้นำอิตาลี กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยว่า หากยังไม่มีการจัดสรรโควต้าผู้อพยพอย่างเท่าเทียมเพื่อแบ่งเบาภาระของอิตาลีบ้าง รัฐบาลโรมอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการห้ามเรือของหน่วยงานต่างชาติที่ช่วยเหลือผู้อพยพทางทะเลเข้าจอดเทียบท่าในอิตาลี ด้านนายดิมิทริส อาฟราโมปูลอส กรรมาธิการด้านผู้อพยพของอียู กล่าวว่าสหภาพจะเพิ่มงบประมาณสนับสนุนอิตาลีในการแก้ไขปัญหาผู้อพยพทางเรือ และเรียกร้องให้รัฐบาลโรมแก้ไขสถานการณ์ด้วยความรอบคอบ
รายงานของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอชซีอาร์ ) ระบุว่ายุโรปให้ความช่วยเหลือผู้อพยพทางเรือมากกว่า 83,000 คนแล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่มีผู้เสียชีวิตระหว่างพยายามเดินทางข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้วมากกว่า 2,160 คน.
คลิปประกอบ : RT