“เป็นที่ฉงนใจ” ให้กับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เมื่อได้มีคนร้ายสุดพิสดารรายหนึ่งเฝ้าสะกดรอยนายตำรวจระดับ “สารวัตร” มาเป็นเวลากว่า 10 วัน ทั้งยังแอบย่องเข้าไปสอดแนมในห้องพักกว่า 8 ครั้ง โดยที่ของมีราคาสูงภายในห้องพักของสารวัตรกลับไม่ถูกขโมยไป และหลังที่เรื่องแดงขึ้นคนร้ายหลบหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไร้ร่องรอย จนนายตำรวจผู้เสียหายและชุดสืบสวนต้องตั้งประเด็นการสืบสวนไปถึง “การถูกปองร้าย” สู่การไขคดี ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. รวบตัวได้แล้ว น.1 สั่งขยายผลโดยละเอียด
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 เวลา 16.15 น.พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9 , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ ฐากรณ์รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.มาโนชย์ทองแก้ว รอง ผกก.กก.สส.บก.น.5 , พ.ต.ท.ธนโชติ นุ้ยเล็ก สว.กก.สส.บก.น.9 , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.วิทย์วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2 , ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ.บก.สส.บช.น. , ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฝทว.7 ทว. , ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2 บก.อก.สทส. สืบสวนติดตามจับกุมตัว
นายมนัสวิน หรือ “เจมส์-บางบอนด์”อายุ 25 ปี ภูมิลำเนา แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 647/2567 ลงวันที่ 25 ก.ค. 67
ในข้อหา “ลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืนในเคหะสถาน และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต่างกรรมต่างวาระ"
จับกุมตัวได้ที่ ริมป่าข้างคลอง แนวรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ ต.หอมศีล อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
พบประวัติเคยก่อคดีอาญา 4 คดีดังนี้
1.วันที่ 9 ส.ค. 62 ถูกจับกุมข้อหา “มียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองฯ” พื้นที่ สน.หลักสอง
2.วันที่ 8 ธ.ค. 66 ก่อเหตุ “ลักทรัพย์ฯ” ขโมยซองผ้าป่า พื้นที่ สน.ท่าข้าม
3.วันที่ 23 พ.ค. 67 ก่อเหตุ “ลักทรัพย์ฯ” ขโมยนาฬิกาในห้างสรรพสินค้า พื้นที่ สน.ภาษีเจริญ
4.วันที่ 17 , 19 , 20 , 21 , 22 , 24 , 26 , 27 มิ.ย. 67 (8 วัน) ก่อเหตุ “ลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืนในเคหะสถานฯ” ซุ่มดูเหยื่อก่อนแอบขโมยคีย์การ์ดขึ้นไปลักของบนห้องพัก พื้นที่ สน.เพชรเกษม (คดีนี้)
พฤติการณ์กล่าวคือ “เจตนาอะไร” เมื่อมีคนร้ายรายหนึ่งวางแผนกระทำการบางอย่างกับนายตำรวจระดับ “สารวัตร” สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยนายตำรวจผู้เสียหายถูกคนร้ายสะกดรอยมาเป็นเวลานานกว่า 10 วัน และยังถูกแอบเข้าไปรื้อค้นในห้องพักกว่า 8 ครั้ง เรื่องราวซับซ้อนนี้แดงขึ้นเมื่อคืนวันที่ 27 มิ.ย. 67 เวลาประมาณ 21.00 น. เมื่อนายตำรวจผู้เสียหายได้กลับเข้ามาที่ห้องพักในคอนโดชื่อดังย่านบางแค แล้วพบว่าข้าวของบางอย่างถูกขยับเขยื้อนและเมื่อตรวจสอบในห้องโดยละเอียดทำให้ทราบว่ามีสิ่งของบางอย่างหายไป จึงลงมือสืบสวนเบื้องต้นด้วยตัวเองแล้วพบว่ามีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น “บุกเดี่ยว” เข้ามาในห้องพักของตนเองกว่า 5 นาที ก่อนหลบหนีออกไป ซึ่งหลังทราบเรื่องนายตำรวจผู้เสียหายจึงรีบเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีในทันที ซึ่งแรกเริ่มเหมือนจะเป็นคดีลักทรัพย์ทั่วไป แต่ที่สร้างความฉงนใจคือ “คนร้ายขึ้นคอนโดไปได้อย่างไร” ทั้งที่ภายในคอนโดมีระบบความปลอดภัยที่หนาแน่น ชุดสืบสวนจึงเริ่มสืบสวนโดยละเอียดไล่ทามไลน์ย้อนหลังไปจนได้ข้อมูลที่ทำเอาขนลุก เพราะนายตำรวจผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายสะกดรอยเฝ้าดูพฤติกรรมมาเป็นเวลากว่า 10 วันแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นคนร้ายยังแอบย่องเข้าไปในห้องของนายตำรวจผู้เสียหายมาแล้วกว่า 7 ครั้งก่อนที่จะลงมือก่อเหตุในครั้งที่ 8 โดยคนร้ายสะกดรอยจนทราบที่เก็บ “คีย์การ์ดสำรอง” ของนายตำรวจผู้เสียหายที่ถูกเก็บไว้ใน Mail Box (ช่องตู้ไปร์ษณีย์) ที่อยู่ชั้นล่างของอาคารคอนโด และใช้จังหวะเมื่อนายตำรวจผู้เสียหายเดินทางออกไปทำงานหรือไม่อยู่ที่ห้องพัก คนร้ายจะแอบไปหยิบคีย์การ์ดสำรองดังกล่าวทำให้สามารถขึ้นตึกและเข้าไปสอดแนมภายในห้องพักได้ แล้วเมื่อเสร็จภารกิจลับก็จะนำคีย์การ์ดนั้นมาเก็บไว้ที่เดิม เสมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นและที่น่าสงสัยให้กับนายตำรวจผู้เสียหายที่สุดคือ “คนร้ายทราบชั้นห้องพัก” ได้อย่างไร เสมือนคนร้ายทราบข้อมูลของนายตำรวจผู้เสียหายอย่างละเอียดยิบ อีกทั้งทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากภายในห้องพักกลับไม่ถูกขโมยไป เสมือนคนร้ายไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์ แต่อาจมีเจตนาแอบแฝงที่ร้ายมากไปกว่านั้น ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. และ กก.สส.บก.น. 9 ร่วมกันเร่งสืบสวนใช้เวลากว่า 1 เดือนทำการสืบสวนติดตามคนร้ายรายนี้ เพราะพฤติกรรมสุดจะซับซ้อนเสมือนเลียนแบบมาจากภาพยนตร์ กระทั่งได้สืบสวนจนทราบตัวคนร้ายและได้มีการออกหมายจับ ซึ่งก็คือ นายมนัสวินหรือ “เจมส์-บางบอนด์” โดยพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งทีมไล่ล่าติดตามจับกุมตัวคนร้าย โดยการสืบสวนติดตามพบว่าหลังจากก่อเหตุในวันสุดท้าย (27 มิ.ย. 67) คนร้ายได้หายตัวไปเป็นคนไร้ตัวตน ซึ่งต่อมาได้สืบทราบว่าคนร้ายร่อนเร่พเนจรไปนอนตามป้ายรถเมล์ ปั้มน้ำมัน ซึ่งชุดสืบสวนติดตามไล่ล่าตีล้อมวงจนคนร้ายไปจนมุมที่ ริมป่าข้างคลอง แนวรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ ต.หอมศีล อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
ในชั้นจับกุม นายมนัสวิน หรือ “เจมส์-บางบอนด์” ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองจบการศึกษาชั้น ม.6 และต่อ ปวช.สายช่างก่อสร้าง แต่เรียนไม่จบ ในปัจจุบันเป็นคนตกงานและไม่เป็นที่ยอมรับของครอบครัว จึงชอบร่อนเร่ไปพักอาศัยตามที่ต่างๆไปเรื่อย ส่วนทางคดีตนเองไม่ได้หวังปองร้าย ไม่ได้รับงานใครมา ตนเองแค่มานั่งสังเกตการณ์บริเวณใต้อาคารคอนโดที่เกิดเหตุบ่อยๆ แล้วเห็นว่าห้องของนายตำรวจผู้เสียหายมักซ่อนกุญแจและคีย์การ์ดสำรองไว้ในช่อง Mail Box ตนเองเป็นคนตกงานและทางบ้านของภรรยาไม่ค่อยยอมรับ จึงตั้งใจจะขึ้นไปนอนบนห้องของผู้เสียหายขณะที่เขาไม่อยู่เท่านั้น ไม่ได้คิดจะสอดแนมหรือปองร้ายใดๆทั้งสิ้น ส่วนที่มาถูกจับกุมที่นี่ไม่ได้หลบหนีมา แต่ได้งานทำใหม่ที่นี่ ส่วนที่ไม่ได้อยู่ละแวกบางบอนเช่นเดิมนั้นเพราะหลังก่อเหตุตนเองมีความรู้สึกว่าเหยื่อน่าจะรู้ตัว และมีเจ้าหน้าที่บางส่วนมาติดตาม จึงออกร่อนเร่เดินเท้าไปอย่างไร้จุดหมายและมาถูกจับกุม”
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะยังเป็นที่น่าสงสัยอยู่หลายประเด็น ว่าเหตุใดผู้ต้องหาจึงแอบสะกดรอยแล้วยังเข้าไปสอดแนมในห้องนายตำรวจผู้เสียหายอีกกว่า 7 ครั้ง ก่อนจะลงมือในครั้งที่ 8 โดยสิ่งที่ขโมยไปนั้นก็เป็นเพียงทรัพย์สินที่มีมูลค่าน้อย แต่ทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงกลับไม่ถูกขโมยไป เสมือนไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์ อีกทั้งแผนประทุษกรรมของคนร้ายมีลักษณะใจเย็น ช่ำชอง และที่สำคัญคือรู้ว่าเป็นห้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ยังกล้าที่จะลงมือกระทำ ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีการขยายผลโดยละเอียดต่อไป และขอให้คดีนี้เป็นการเตือนภัยให้กับประชาชน แม้จะเป็นคอนโดที่มีระบบความปลอดภัยที่แน่นหนาก็ตาม ให้หลีกเลี่ยงการเก็บคีย์การ์ดหรือของสำคัญไว้ในตู้ไปรษณีย์หรือตู้ Mail Box หรือหลีกเลี่ยงการซ่อนกุญแจไว้ตามที่ต่างๆใกล้ประตูหน้าบ้านของท่าน เพราะการกระทำดังกล่าวอาจตกอยู่ในสายตาของผู้ไม่ประสงค์ดีลักษณะนี้อีก และหากท่านใดมีเบาะแสในลักษณะนี้สามารถส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาได้ที่ เพจสืบนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชม.”
หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินคดีต่อไป