เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.เอเอฟพีรายงานว่า สหภาพอียูสั่งปรับเงินกูเกิ้ลสูงสุดเป็นสถิติ 2,400 ล้านยูโร หรือประมาณกว่า 92,000 ล้านบาท ฐานผูกขาด อาศัยความนิยมของเสิร์ชเอ็นจิ้นของตนเองมาใช้ความได้เป็นในการวางพื้นที่โปรโมตร้านค้าของกูเกิ้ลเอง หรือกูเกิ้ล ช็อปปิ้ง ไว้ด้านบน ทำให้ร้านค้าออนไลน์อื่นๆ เสียเปรียบ ขณะที่กูเกิ้ลแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว และเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อไป
มาร์เกรเธอ เวสเตเกอร์ หัวหน้าคณะกรรมาธิการปราบปรามการเอาเปรียบทางการค้าแห่งสหภาพยุโรปออกมาเปิดการปรับครั้งมโหฬารว่ากูเกิ้ลได้เอาเปรียบตลาดโดยการใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นของตัวเองมาเป็นช่องทางในการให้บริการด้านการซื้อขายสินค้าแบบผิดกฎหมาย
“สิ่งที่กูเกิ้ลได้ทำคือการละเมิดกฎหมายการต่อต้านการผูกขาด และตัดโอกาสการแข่งขันของบริษัทอื่น…และที่สำคัญที่สุด กูเกิ้ลได้ปฏิเสธช่องในการเข้าถึงการบริการและการประโยชน์ในการเข้าถึงนวัตกรรมอย่างแท้จริงของผู้บริโภค” นางเวสเตเกอร์ระบุในแถลงการณ์
การปรับครั้งนี้ถือว่าทำลายสถิติก่อนหน้าที่เคยปรับบริษัทอินเทล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิพสัญชาติสหรัฐในจำนวนเงิน 1,060 ล้านยูโร หรือประมาณกว่า 6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ทางอียูได้กล่าวหาว่ากูเกิ้ลใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นเอื้อประโยชน์ให้กับบริการของตัวเอง โดยสร้างความเสียให้กับเว็บไซต์เทียบราคาและสินค้าอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ทริปแอดไวเซอร์ หรือ เอกซ์พีเดีย